คุณต้องการวงเงินประกันชีวิตมากแค่ไหน

คุณต้องการวงเงินประกันชีวิตมากแค่ไหน

คนเรามักจะนึกถึงหรือได้รับข้อเสนอ การทำประกันชีวิต ก็เมื่ออยู่ในวัยทำงานมี หลักฐานมั่นคง ข้อนี้มีทั้งเรื่องจริงและภาพลวงตา แต่ผมบอกได้เลยว่าการทำประกันชีวิตหรือที่เรียก ว่าการซื้อกรมธรรม์ประกันชีวิตถือเป็นการวางแผน ทางการเงินที่ดีอย่างมากๆ มันทำให้ครอบครัวของ คุณมีหลักประกันทางการเงินที่มั่นคง เพราะมันจะช่วย ปกป้องแหล่งที่มาของรายได้ของคุณ ทั้งในปัจจุบันและอนาคต

ที่เห็นชัดเจนที่ สุดก็คือหากคุณมีเหตุต้องเป็นไป ครอบครัวของคุณที่อยู่ข้างหลังจะได้รับเงินสดจาก กรมธรรม์ประกันชีวิตของคุณ เงินจำนวนนี้ก็คือ รายได้ที่คุณสร้างขึ้นมาให้ครอบครัวของคุณนั่นเอง พวกเขาสามารถนำไปใช้จ่ายในเรื่องที่จำเป็นได้หลายอย่าง เช่น จ่ายค่าผ่อนบ้าน ค่าใช้จ่ายจิปาถะในบ้านหรือส่งลูกเรียนหนังสือ นอกจากนี้ เงินค่า เบี้ยประกันชีวิต ยังสามารถนำไปหักลดหย่อนภาษี ได้อีกปีละไม่เกิน 50,000 บาท

คนส่วนใหญ่ที่มี ครอบครัวหรือมีชีวิตอื่นที่ต้อง ดูแลรับผิดชอบมักนิยมทำประกันชีวิต ซึ่งก็ยังไม่มี ผู้ใดจะบอกได้ว่าต้องทำประกันชีวิตในวงเงินมาก เท่าไรจึงจะพอ มีหลักอยู่ข้อหนึ่งที่เห็นพ้องต้องกัน แล้วในหมู่นักขายประกันชีวิตทั้งหลายว่าคุณต้องซื้อ ประกันชีวิตที่มีค่าเทียบเท่า 5 ถึง 10 เท่า ของรายได้ สุทธิต่อปีของคุณ

สมมติคุณมีรายได้สุทธิปีละ 2 ล้านบาท คุณ ต้องซื้อประกันชีวิตที่มีความคุ้มครองให้คุณในวงเงิน 10 - 20 ล้านบาทหรือมากกว่านั้น

ทีนี้การเลือกซื้อ ประกันชีวิตก็เป็นการตัดสิน ใจที่สำคัญ เพราะมันมีความซับซ้อนอยู่มากพอ สมควร ถือเป็นการตัดสินใจซื้อที่สำคัญครั้งหนึ่ง ในชีวิตเลยทีเดียว หลักการก็คือคุณต้องทำความ เข้าใจความจำเป็นของครอบครัวของคุณ และทางเลือกหรือโอกาสที่เปิดให้ตัวคุณด้วย

ต่อไปนี้เป็นคำแนะนำในการซื้อประกันชีวิต:-

แยกการลงทุนกับการประกันชีวิต ออกจากกันอย่างเด็ดขาด

อัตราดอกเบี้ยที่ ต่ำเป็นประวัติการณ์ในช่วงนี้ ทำให้คนแห่ไปซื้อประกันชีวิตกันขนานใหญ่ รวมทั้งมีบริษัทประกันชีวิตบางรายได้ออกมาให้การรับรองว่าจะสร้างอัตราผลตอบ แทนให้ได้ถึงปีละ4 เปอร์เซ็นต์ด้วย

แต่อย่าลืมนะครับ ว่าเป้าหมายเพียงประการ เดียวของการทำประกันชีวิตก็เพื่อมีเงินทดแทน รายได้ที่ขาดหายไปของครอบครัวของคุณ ดังนั้น ต้องแยกสองเรื่องนี้ออกจากกันครับ นอกจากนี้ผมอยากจะบอกว่ายังมีแหล่งลงทุนอื่นๆ อีกมาก ที่คุณไม่ต้องเสียค่าคอมมิชชั่นสูงๆ เพื่อซื้อกรมธรรม์ประกันชีวิตครับ!

ซื้อประกันชีวิตตอนที่คุณอยู่ในวัยหนุ่มสาวสุขภาพแข็งแรง

คนสูงวัยและผู้ที่ มีปัญหาทางสุขภาพต้องจ่ายค่า เบี้ยประกันชีวิตในอัตราที่สูงมาก ดังนั้นวิธีที่ดีคือซื้อ ประกันชีวิตเสียตั้งแต่คุณเริ่มทำงานมีรายได้ แต่อย่า ซื้อจนกว่าคุณเริ่มมีภาระครอบครัว มีชีวิตผู้คนต้อง ดูแลรับผิดชอบ

บอกความจริง

ตอนที่คุณกรอกราย ละเอียดในใบคำขอกรมธรรม์ ให้เขียนข้อเท็จจริง อย่าพยายามปกปิดสิ่งใด เพื่อที่จะเสียเบี้ยประกันในอัตราถูก เช่น นิสัยเรื่อง การสูบบุหรี่ของคุณหรือลักษณะการประกอบอาชีพ ของคุณ ที่ผมแนะนำเช่นนี้ก็เพราะว่าหากคุณเกิด ต้องทำเคลมครั้งใหญ่ๆ ขึ้นมา แน่ใจได้เลยว่าบริษัท ประกันต้องตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนก่อนที่จะจ่ายเงิน ให้คุณ

อย่าค้างชำระเบี้ยประกัน

กรมธรรม์ประกัน ชีวิตที่มีลักษณะของการลงทุน เป็นองค์ประกอบ มักจะเสียเบี้ยราคาแพง เพราะมีค่าคอมมิชชั่นของตัวแทนขายผูกติดอยู่ด้วย ผลที่ ตามมาคือผู้ซื้อประกันไม่สามารถจ่ายค่าเบี้ยได้ ทำ ให้เกิดการค้างชำระเบี้ยประกัน ทางที่ดี คือ เลือกซื้อ กรมธรรม์ที่เหมาะกับความต้องการของท่าน เพราะการซื้อกรมธรรม์ประกันชีวิตไม่ใช่เรื่องที่จะมาขี้เหนียว กันได้

ทีนี้ก็มาถึง ประเด็นสำคัญที่จะต้องพิจารณาว่า ควรซื้อกรมธรรม์ประกันชีวิตกี่ฉบับดีหรือจะต้องการ วงเงินคุ้มครองเป็นจำนวนเท่าไร แต่จริงๆ แล้วมัน ไม่ใช่หรอกครับ ประเด็นคือเม็ดเงินที่ครอบครัวของ คุณจะได้รับจากกรมธรรม์ประกันชีวิตของคุณ ต่างหาก หลังจากที่คุณเสียชีวิตแล้วครอบครัวคุณมี ความจำเป็นต้องใช้เงินเท่าใดในการดำรงชีวิตอยู่ต่อไป ตัวแปรในการพิจารณาประเด็นนี้มี 2 อย่างด้วยกัน

ข้อแรก ครอบครัวของคุณต้องใช้เงินเท่าไรเพื่อจัดการภาระต่างๆ หลังจากที่คุณเสียชีวิต ข้อนี้ประเมินตัวเลขออกมาง่ายมาก มันคือ เงินค่าใช้จ่าย ก้อนสุดท้าย ได้แก่ ค่ารักษาพยาบาล ค่าจัดงานศพ ค่าจัดการเรื่องบ้านช่องมรดกต่างๆ และเงินสำรอง อีกสักก้อน เพื่อค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น หนี้สินที่ยัง ค้างคาอยู่ ผ่อนชำระค่างวดต่างๆ และค่าเรียน ของลูก

ข้อที่สอง ครอบครัวของคุณต้องมีรายได้ เท่าไรเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายภายในบ้านคำถามนี้ตอบยากมีตัวแปรหลายอย่าง มัน เกี่ยวพันกับการคำนวณหามูลค่าปัจจุบันของกระแส เงินสดที่จำเป็นต้องใช้ในอนาคตผมลองทำตารางเพื่อประเมินให้ดูว่าครอบครัว ของคุณต้องการใช้เงินสักเท่าไร หลังจากที่คุณไม่อยู่ กับพวกเขาแล้ว ตัวอย่างนี้เพื่อให้คุณใช้ตัดสินใจเลือก ซื้อกรมธรรม์ที่เหมาะกับคุณในฐานะเป็นหัวหน้า ครอบครัวดีเด่นครับ

เงินก้อนที่ต้องใช้เมื่อคุณมีอันเป็นไป

รายการ  จำนวนเงิน (ล้านบาท)

ค่าจัดงานศพและค่ารักษาพยาบาลที่ไม่ระบุในกรมธรรม์ จำนวนเงิน (ล้านบาท) 2
จัดการเคลียร์หนี้สินของคุณ (เผื่อมีหนี้ทิ้งไว้) จำนวนเงิน (ล้านบาท) 1
ผ่อนค่างวดต่างๆ จำนวนเงิน (ล้านบาท) 5
ค่าเล่าเรียนลูก จำนวนเงิน (ล้านบาท) 2
รวม จำนวนเงิน (ล้านบาท) 10

มูลค่าปัจจุบันของเงินที่ต้องการใช้* จำนวนเงิน (ล้านบาท) 11.46
รวมเงินที่ต้องการ จำนวนเงิน (ล้านบาท) 21.436
หักเงินที่นำไปลงทุนในปัจจุบัน (รวมเงินฝากธนาคารและเงินทุนสำรองเลี้ยงชีพ) จำนวนเงิน (ล้านบาท) 8
เงินสุทธิที่ต้องการ จำนวนเงิน (ล้านบาท) 13.46
มีกรมธรรม์ประกันชีวิตในวงเงิน (รวมกรมธรรม์ที่ซื้อส่วนตัวและกรมธรรม์หมู่ที่บริษัททำให้) จำนวนเงิน (ล้านบาท) 5
คุณต้องซื้อประกันชีวิตเพิ่มอีก จำนวนเงิน (ล้านบาท) 8.46

*หมายเหตุ การวิเคราะห์มูลค่าปัจจุบันของรายได้ใช้การประเมิน- รายได้ต่อเดือนของคู่สมรส 50,000 บาท- คาดหมายอัตราเงินเฟ้อ 3.5 %- ผลตอบแทนการลงทุนหลังหักภาษี 4 %

หากดูจากตัวอย่าง ที่กล่าวมา คุณต้องซื้อประกัน ชีวิตเพิ่มอีก 8.46 ล้านบาท หากคุณมีอันเป็นไป ผลกระทบทางการเงินที่ครอบครัวคุณจะได้รับคือ การสูญเสียรายได้ของคุณ ขณะเดียวกันต้องมี ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการจากไปของคุณ

ผลประโยชน์ที่เกิด จากการพลัดพรากนี้ กรมธรรม์ประกันชีวิตจะช่วยทดแทนได้ในส่วนที่เป็น รายได้ของคุณในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เพื่อให้เวลา ครอบครัวคุณสร้างอนาคตที่มั่นคงในด้านการเงิน ต่อไป?

จะซื้อประกันนานแค่ไหน

ความลับของการเลือก ซื้อกรมธรรม์โดยมีช่วง เวลาที่เหมาะสมก็คือคุณต้องหาออกมาให้ได้ว่านาน แค่ไหนที่คุณต้องการการประกัน คุณอาจจะเริ่มจาก การคิดหรือประเมินว่าลูกๆ ของคุณจะเติบโตหา เลี้ยงชีพได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องพึ่งกระเป๋าสตางค์ ของคุณเมื่อใด

หากลูกของคุณอายุ 3 ขวบ หรือ 5 ขวบใน ตอนนี้ คุณอาจต้องซื้อกรมธรรม์ที่มีระยะเวลา ครอบคลุมไปอย่างน้อยก็จนกว่าลูกคนเล็กของคุณ จะอายุ 22 ปี ซึ่งนั่นก็ราวๆ สัก 20 ปีได้ แต่เรื่องนี้ ก็ต้องขึ้นอยู่กับอายุของตัวคุณด้วย

หากคุณต้องการให้ สามีหรือภรรยาคุณมีเงิน ทดแทนรายได้ของคุณจนกว่าคุณจะเกษียณอายุที่ 65 ปี และคุณอายุ 35 ปีในตอนนี้ หมายความว่า คุณต้องซื้อกรมธรรม์ที่มีอายุนาน 35 ปี

อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องระลึกอยู่เสมอคือค่าเบี้ย ประกันชีวิตจะแพงมากเมื่อคุณอายุ 50 ปีขึ้นไป คุณต้องจ่ายแพงขึ้น เพื่อที่จะได้รับความคุ้มครองไป จนคุณอายุ 65 ปี แม้ว่าคุณจะซื้อกรมธรรม์ที่มีอายุ 30 ปีก็ตาม แต่จริงๆ แล้วในเมืองไทยนี่คนที่อายุเกิน 60 ปีขึ้นไป ก็ไม่มีประกันชีวิตคุ้มครองแล้ว