วางแผนการศึกษาให้ลูกน้อย

วันนี้คุณวางแผนการศึกษาให้ลูกน้อยแล้วหรือยัง?

ลูกคุณฝันอยากเป็นอะไร...
... ผมอยากเป็นหมอรักษาคุณพ่อตอนไม่สบาย....
... หนูจะเป็นพยาบาลคอยดูแลคนไข้...
... ผมอยากเป็นตำรวจเป็นผู้หมวดจับผู้ร้าย...
   
เด็กๆ มักจะมีความฝัน ว่าอยากเป็นนั่นอยากเป็นนี่ พ่อแม่ก็อยากจะช่วยทำให้ฝันของลูกเป็นจริง แต่การจะไปถึงฝันนั้นได้ คงต้องเตรียมตัวกันอย่างมากเลย ดังนั้นแล้วควรมาเริ่มวางแผนการเงินเพื่อการศึกษาเสียแต่เนิ่นๆ โดยเริ่มตั้งแต่ลูกยังเล็กก็ยิ่งดีค่ะ ถ้าพร้อมแล้วมาดูหลักการวางแผนกัน

เริ่มต้นวางแผน ด้วยการตั้งเป้าหมายการออมเพื่อการศึกษาลูก
ก่อนจะทราบว่าเราจะออมต่อเดือนเป็นจำนวนเท่าไหร่  เราควรต้องทราบว่า เราต้องการเงินมากน้อยแค่ไหนกันแน่เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่เราวางไว้สำหรับการศึกษาของลูก

ในขั้นแรกของการประเมินเงินที่ต้องการเพื่อให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการศึกษาของลูก นั้น คุณควรต้องคาดการอนาคตทางการศึกษาของลูกคุณเสียก่อน ปัจจัยที่จะเป็นตัวแปร ประกอบด้วย ตัวแปรดังนี้

1. ประเภทของสถานศึกษา เช่น สถานศึกษาของรัฐบาล เอกชน หรื หลักสูตรนานาชาติ ซึ่งสถานศึกษาแต่ละประเภทจะมีค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกัน ดูตารางค่าใช้จ่ายสำหรับการศึกษาประเภทต่างๆ ที่นี่ ซึ่งแต่ละสถาบันมีค่าใช้จ่ายที่ต่างกัน
2. สายการเรียนที่จะเลือกเรียน ในบางวิชาชีพ เช่น แพทย์ วิศวกร มีค่าใช้จ่ายในการเรียนที่สูงกว่าสายการเรียนทั่วไปในการเทียบค่าใช้จ่ายแบบปีต่อปี
3. ระดับการศึกษาที่ตั้งเป้าหมายไว้ เช่น ถ้าคุณมุ่งหมายจะสนับสนุนการศึกษาของคุณจนถึงระดับปริญญาโท หรือสูงกว่า เป้าหมายในการออม ก็ต้องสูงขึ้น หรือแม้แต่ในระดับปริญญาตรี คุณอาจจะต้องเตรียมเงินสำรองไว้ในกรณีที่ลูกของคุณเลือกเรียนในสาขา ที่ใช้เวลาการเรียนมากกว่าสาขาอื่นๆ เช่น แพทย์ หรือ สถาปัตยกรรมศาสตร์
4. สถานที่ตั้งของสถานศึกษา สำหรับ คุณพ่อคุณแม่บางท่าน อาจจะต้องเผื่อค่าใช้จ่ายในส่วนเสริมอื่นๆ ไว้ด้วย เช่น ค่าที่พักขณะศึกษาระดับสูง โดยเฉพาะสำหรับครอบครัวที่ไม่ได้อยู่ตามเมื่องใหญ่ที่เป็นที่ตั้งของสถาน ศึกษา หรือในกรณีที่ลูกของท่านตัดสินใจเรียนในสถาบันการศึกษาที่ไม่สามารถพักอาศัย ในบ้านของครอบครัวได้

เทคนิคการเก็บเงินเพื่ออนาคตลูก

“เริ่มต้นวันนี้ เพื่อตอบทุกอนาคตที่ลูกอยากเป็น”

“เพราะรากฐานที่สำคัญที่สุดในชีวิตลูก คือการศึกษา”
ในช่วงระยะเวลาที่คุณแม่ตั้งท้อง 9 เดือน จนถึงช่วงที่ลูกน้อยกำลังเติบโต ไม่เพียงแต่จะเป็นเวลาที่คุณพ่อคุณแม่ต้องใส่ใจดูแลทะนุถนอมให้เจ้าตัวเล็กมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงและพัฒนาการที่ดีเท่านั้น แต่ยังเป็นช่วงเวลาสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ควรเตรียมวางแผนการเงินตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อปูทางอนาคตทางการศึกษาที่มั่นคงให้กับลูกรักวางแผนดีมีชัยไปกว่าครึ่ง

“จะให้ลูกเรียนที่ไหนดีน๊า”
“ค่าเทอมจะแพงไหม”
“อยากให้เขาเรียนสูงๆ แต่ไม่รู้ว่า เราจะมีเงินพอ ส่งเขาเรียนได้สูงแค่ไหน”

และอีกมากมาย ที่ล้วนแต่เป็นคำถามของพ่อแม่ที่ปรารถนาจะให้ลูกมีอนาคตทางการศึกษาที่ดีที่สุด และไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ในแต่ละช่วงวัยที่ลูกเติบโตและต้องเรียนในระดับที่สูงขึ้นไปจะต้องมีค่าใช้จ่ายทางการศึกษาเข้ามาเกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก ดังนั้น ภารกิจหนึ่งของคนเป็นพ่อแม่ที่จะสามารถเตรียมความพร้อมทางการศึกษาให้กับลูกได้ตั้งแต่ยังเล็ก คือ การเริ่มต้นวางแผนการเงินเพื่อใช้เป็นทุนการศึกษาในอนาคตแต่บางครั้ง “อนาคต” ก็เป็นสิ่งไม่แน่นอนการที่คนเป็นพ่อแม่ตั้งหน้าตั้งตาทำงานเก็บเงินเพียงอย่างเดียวสำหรับส่งให้ลูกเล่าเรียนคงไม่สามารถเป็นคำตอบได้ว่า ลูกจะได้เรียนหนังสือในระดับที่สูงสุดตามที่ตั้งใจไว้ เพราะหากวันหนึ่งเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นกับตัวคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งเป็นกำลังหลักในการหา
รายได้ให้กับครอบครัว วันนั้นอนาคตทางการศึกษาของลูกคุณอาจสะดุดลงได้ 4 เทคนิคเก็บเงินเพื่ออนาคตลูกเมื่อรู้ว่าอนาคตจะเป็นสิ่งไม่แน่นอน คุณพ่อคุณแม่สามารถป้องกัน
และเริ่มต้นวางแผนออมเงินทางการศึกษาให้กับลูกในรูปแบบที่มั่นคงได้ด้วยเทคนิคดีๆ ต่อไปนี้
1. เก็บเงินให้เป็น คุณพ่อคุณแม่ควรประเมินรายได้และค่าใช้จ่ายของครอบครัวเพื่อให้ทราบว่าจะต้องเก็บเงินเท่าไหร่ จึงจะเพียงพอกับค่าใช้จ่ายในการศึกษาของลูกแต่ละช่วงวัย ซึ่งจะทำให้มีเวลาหาเงินเพิ่มในส่วนที่ยังขาดก่อนจะถึงเวลานั้นจริงๆ
2. ออมเงินสม่ำเสมอ คุณพ่อคุณแม่ควรวางแผนในการออมเงินอย่างสม่ำเสมอ และจัดสรรเงินไว้ในบัญชีที่แยกออกมาต่างหากไม่ควรนำไปรวมกับบัญชีเงินสะสมอื่นๆ
3. เสี่ยงอย่างสร้างสรรค์ หากจะลงทุนกับเงินก้อนนี้เพื่อให้เกิดการงอกเงย ควรเลือกการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ และต้องศึกษาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ
4. เริ่มต้นทำประกันชีวิตเพื่อการศึกษา หากต้องการสร้างวินัยและความมั่นคงในการวางแผนการเงินที่มากกว่านั้น ปัจจุบันมีแบบประกันชีวิตเพื่อการศึกษาของลูกโดยเฉพาะ ซึ่งถือเป็นแผนการออมเพื่อการศึกษาหนึ่งเดียวที่ให้คุณพ่อคุณแม่

• ได้รับเงินผลประโยชน์ เพื่อช่วยค่าเล่าเรียนถึงปีละ 2 ครั้งในช่วงโรงเรียนเปิดเทอม หรือทุกเดือนเมษายนและตุลาคม เริ่มตั้งแต่ปีกรมธรรม์ที่ 3 เป็นต้นไป
• มีเงินเก็บ ไว้เป็นทุนเรียนต่อปริญญาโทเมื่อครบกำหนดสัญญา
• มั่นใจ ได้ว่าหากมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับตัวเราบริษัทก็ยังจะจ่ายเบี้ยประกันคุ้มครองจนครบอายุกรมธรรม์ และลูกจะมีทุนการศึกษาเรียนต่ออย่างแน่นอน

“เริ่มต้นวันนี้เพื่อตอบทุกอนาคตที่ลูกอยากเป็น”
ความสุขที่สุดในชีวิตของคนเป็นพ่อและแม่ คือเห็นลูกเติบโตขึ้นมาเป็นคนดีและมีอนาคตที่ก้าวไกล
การวางแผนการเงินที่ดีตั้งแต่ต้นจะเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จของลูกในอนาคต