การเรียกค่าสินไหมระหว่างซ่อม (ค่าขาดประโยชน์) + ตารางอัตราของรถแต่ละประเภท

กรณีที่รถยนต์ที่เราขับเกิดอุบัติเหตุ และ เราเป็นฝ่ายถูก
การซ่อมแซมไม่สามารถทำเสร็จได้ในวันเดียว หากเรามีรถยนต์ที่ใช้อยู่คันเดียว ทำให้เราจะต้องเสียเสียค่าเดินทางเพื่อไปทำงานว
เราสามารถเรียกค่าสินไหมระหว่างซ่อมจากคู่กรณีได้

ผู้รับสิทธิประโยชน์
กรณีที่คุณขับรถแล้วประสบอุบัติเหตุ แต่คุณเป็นฝ่ายถูก คุณสามารถเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากคู่กรณีได้
เพราะตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือ ป.พ.พ. แล้วถือว่าคุณเป็นฝ่ายถูกละเมิด
และหากคู่กรณีของคุณมีประกันภัยรถยนต์ และสามารถเรียกร้องจากบริษัทประกันฯ ของคู่กรณีได้
และหากประกันฯ ไม่ยอมจ่าย คุณสามารถตามจากคู่กรณีได้ โดยขอให้คู่กรณีติดตามจากบริษัทประกันฯ ของเขาได้เช่นกัน

นอกจากนี้แล้ว คุณยังสามารถเรียกร้องค่าเสื่อมราคาจากการประสบอุบัติเหตได้อีกด้วย

การทำสำเนาเอกสารสำคัญ (ห้ามพลาด!)
การทำสำเนาหลักฐานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทุกขั้นตอนเพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐาน
โดยคุณจะต้องทำสำเนาหลักฐานต่อไปนี้และเก็บไว้อย่างดีที่สุดเพื่อยื่นเรื่องเคลมประกันต่อให้คะ

1. ถ่ายรูปรถยนต์ทั่วคัน เมื่อเกิดอุบัติเหตุ เพื่อเก็บไว้ในทันที (เพื่อเป็นการป้องกันคดีพลิก)
2. หลังจากได้รับใบเคลมจากพนักงานเคลมแล้ว

- ถ่ายสำเนาส่วนหัวของใบเคลมของคู่กรณีไว้ ให้เห็นหมายเลขใบเคลม สถานที่ขณะออกใบเคลมของเจ้าหน้าที่ประกันฯ อย่างชัดเจน
- ถ่ายสำเนาใบเคลมของคุณเก็บไว้ก่อนส่งให้อู่ซ่อมรถยนต์ของบริษัทประกันฯ ของคุณเพื่อเก็บเป็นหลักฐานด้วย

3. แจ้งความจำนงต่อบริษัทประกันฯ ของคู่กรณีเพื่อยื่นเรื่องเรียกสินไหมค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถระหว่างซ่อม
4. ควรจะต้องทำการรวบรวมรายละเอียดค่าใช้จ่ายที่จะขอสินไหมชดเชยระหว่างรอซ่อมรถ โดยควรจะมีค่าใช้จ่ายดังต่อไปนี้

-  ค่าเดินทางที่เพิ่มขึ้นเพราะขาดรถยนต์ใช้งาน
เช่น หากคุณต้องเดินทางออกต่างจังหวัดเพื่อติดต่อลูกค้าเป็นประยำ มีค่าเดินทางเพิ่มขึ้นอย่างไรบ้างเมื่อคุณไม่มีรถยนต์ส่วนตัวใช้
- รายได้ที่ขาดหายไป เพราะขาดรถยนต์ที่ใช้ประกอบอาชีพ (เช่น หากคุณทำงานรับจ้าง และต้องใช้รถยนต์เป็นหลัก เป็นต้น)
- ค่าเสื่อมสภาพที่อาจจะเกิดขึ้น (เช่น หากบริษัทไม่ยอมเปลี่ยนอะไหล่ให้ แต่ใช้วิธีซ่อมแซมชิ้นส่วนแทน)

5. เก็บหลักฐานค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้ครบถ้วนจะสามารถช่วยให้การเรียกสินไหมของเรามีน้ำหนักมากขึ้นนะคะ ดังนั้น คุณควรเก็บใบเสร็จรับเงินในช่วงนี้ให้เป็นระบบระเบียบเพื่อนำมาแสดงให้บริษัทประกันฯ ได้
(ใบเสร็จจากการใช้งานรถแท็กซี่ หรืออาจจะใช้บริการบริษัทแท็กซี่ที่มีหลากหลาย ที่มีการส่งอีเมล์ใบเสร็จค่าเดินทางให้ก็ได้ค่ะ)

6. หากบริษัทประกันฯ ของคู่กรณีไม่ปฏิเสธ ส่วนมากแล้วจะมีการส่งเอกสารมาให้เพื่อยื่นเรื่องอย่างเป็นทางการ โดยส่วนใหญ่มักจะส่งให้ทางแฟกซ์

7. เอกสารที่คุณต้องเตรียมเพื่อเรียกสินไหมค่าขาดประโยชน์ มีดังต่อไปนี้

- หนังสือแจ้งความจำนง พร้อมสำเนาหลักฐานค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น
- สำเนาใบเคลม หรือรายละเอียดการซ่อมรถยนต์ของคุณ และเอกสารที่มีการระบุวันรับรถ และวันส่งคืนรถอย่างชัดเจน
- สำเนาใบเคลมของคู่กรณี
- สำเนาบัตรประบายชน และสำเนาหน้ากรมธรรม์ประกันรถยนต์ของคุณ
- สำเนาทะเบียนรถ

8. เมื่อส่งเอกสารแล้ว ควรโทรไปที่บริษัทประกันฯ ของคู่กรณีเพื่อตรวจสอบว่าได้รับเอกสารที่ส่งไปครบถ้วนชัดเจนหรือไม่ ขอชื่อผู้ที่เป็นคนรับเรื่อง และเลขหมายรับเรื่องเพื่อเป็นหลักฐานเอาไว้ด้วยค่ะ เพราะหากคุณมีปัญหาหรือต้องการสอบถามรายละเอียดอื่นๆ จะได้สามารถติดต่อตามเรื่องได้ง่ายยิ่งขึ้น และอย่าลืมสอบถามเจ้าหน้าที่ด้วยนะคะว่าจะมีการติดต่อกลับมาหาคุณเมื่อไหร่

9. เมื่อคุณนำรถยนต์ส่งเข้าอู่ซ่อม ทำสำเนา (หรือถ่ายรูป) ใบแจ้งซ่อม/รับรถ โดยต้องมีวันที่รับรถ (เข้าอู่ซ่อม) ที่ชัดเจน และควรจะต้องทำสำเนาเก็บไว้ต่างหากด้วย

10. รถยนต์ซ่อมเสร็จ ต้องขอสำเนาเอกสารจากอู่ซ่อมดังนี้

-  รายละเอียดรายการซ่อมทั้งหมด
-  ใบแจ้งซ่อม/ส่งรถ โดยจะต้องระบุวันส่งรถ (วันที่ออกจากอู่) อย่างชัดเจน

หลังเรียกสินไหม
1.หากยังไม่มีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับมาจนพ้นวันที่กำหนดไว้แล้ว ให้รีบโทรติดตามเรื่องกับบริษัทประกัน

2.หลังเรื่องได้รับการอนุมัติแล้ว มักจะมีการต่อรองราคาตามมา เพราะว่าฝ่ายบริษัทประกันฯ จะต้องการจ่ายให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้

3. เมื่อการต่อรองจบสิ้นลงแล้ว บริษัทประกันฯ จะส่งเอกสารใบตกลงรับค่าสินไหม (ส่วนใหญ่จะส่งมาให้เป็นแฟกซ์) เพื่อให้เราทำการลงชื่อยอมรับข้อเสนอตามที่ได้ตกลงกันไว้ในข้อ 2 นั่นเองเราก็ควรทำการตรวจสอบรายละเอียดก่อนจะลงชื่อแล้วส่งกลับบริษัทประกันฯ

4.รับค่าชดเชยรับเป็นเงินสด เป็นเช็ค การโอนเงินเข้าบัญชี

การเรียกสินไหมทดแทนนี้ เป็นสิทธิ์ที่ผู้ถูกละเมิด (ฝ่ายถูกตามคำจำกัดความของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์) สามารถทำได้ถูกต้องตามกฎหมายนะคะ ไม่ว่าผู้ละเมิด (ฝ่ายผิด) จะมีประกันรถยนต์คุ้มครองหรือไม่ก็ตามแต่ โดยคุณสามารถเรียกค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น รวมถึงค่าเสียหายอื่นๆ ที่เกิดขึ้นเนื่องจากการขาดการใช้รถยนต์ได้ด้วยเช่นกัน

ตัวอย่าง จดหมายแจ้งความจำนงในการเรียกค่าสินไหมทดแทนระหว่างขาดการใช้งานรถยนต์

ข้าพเจ้า__________ เจ้าของรถยนต์ยี่ห้อ__________ ทะเบียน __________ถูกรถยนต์ที่ขับโดยคุณ__________ ยี่ห้อ__________ ทะเบียน__________ ชนที่ __________ เมื่อวันที่_____เดือน_____ปี_____ ทำให้รถยนต์ของข้าพเจ้ามีความเสียหายดังนี้
__________(ระบุรายการความเสียหายของรถยนต์ของคุณ)
_________
___________
__________
ข้าพเจ้าจึงได้นำรถยนต์เข้าซ่อมที่ศูนย์__________ สาขา__________ ในวันที่_____เดือน_____ปี_____ เป็นระยะเวลา_____ วัน
ข้าพเจ้าทำงานเป็น__________ โดยจะต้องใช้รถยนต์ทุกวันราวๆ _____ กิโลเมตร/วัน ต้องนั่งแท็กซี่ไปทำงานแทน ประกอบกับความไม่สะดวกในการเดินทาง และค่าเสียหายอื่นๆ จึงขอเรียกสินไหมทดแทนดังนั้น

1. ค่าขาดผลประโยชน์จากการใช้รถยนต์__________ บาทต่อวัน เป็นระยะเวลา_____ วัน รวม_____ บาท
2. ค่าเสื่อมสภาพรถยนต์จากอุบัติเหตุ_____ บาท รวมทั้งสิ้น_____ บาท ค่าชดเชยประโยชน์จากการใช้รถยนต์ที่หายไป

หากไม่พอใจค่าสินไหมที่บริษัทประกันฯ อนุมัติ และไม่สามารถตกลงกันได้สามารถทำเรื่องเรียกร้องต่อ คปภ. ต่อได้
ต้องดำเนินการด้วยตัวเอง จะแฟกซ์เคลมไปเฉยๆไม่ได้ จะกลายเป็นเรื่องยุ่งยากไปอีกระดับหนึ่ง ข้อนี้บริษัทประกันฯ ส่วนใหญ่รู้ดี ดังนั้นเค้าก็จะกดราคามาเผื่อต่อ เพราะรู้ว่าคนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้อยากไปวุ่นวายฟ้องร้องต่อ คปภ.หรือ ฟ้องศาลเป็นคดีความ เสียเวลา เสียเงิน

http://upic.me/i/e2/0image-1.jpeg