ชีวิตนายหน้า ที่ใครๆก็ว่าจับเงินล้านได้ง่ายๆ

งานขาย  การตลาด  Freelance  อสังหาริมทรัพย์  ที่ดิน

อาชีพ "นายหน้าอสังหาฯ"
 
เมื่อ 3 ปีที่แล้ว เราอายุ 24 ปี ที่มีความฝัน ต้องการประสบความสำเร็จ มีบ้านมีรถเท่ห์ เหมือนคนที่สำเร็จที่เราเห็นบ่อยๆตามทีวี หรือนิตยสารต่างๆ แต่พอกลับมาดูงานประจำที่กำลังทำอยู่ ได้เงินเดือนเกือบ 2 หมื่น แล้วพอดีกับที่ตัวเองเป็นคนใจร้อน คิดไปคิดมา คงอีกนานกว่าจะได้บ้าน ได้รถ ได้ไปเที่ยวรอบโลกอย่างที่ตั้งใจ คิด คิด คิด หาข้อมูลหลายอาชีพ สุดท้ายสายตาก็มาสะดุดที่คำว่า "อาชีพนายหน้า" ค่าคอม 3% ตอนนั้นในหัวคิดอันดับแรกเลย คือค่าคอมมิชชั่น 55555 เริ่มตื่นเต้น อยากทำ คิดในใจรวยแน่ๆ ภาพบ้าน ภาพรถ ลอยมาเต็ม (อาชีพนี้รวยจริงมั้ย ตอนจบมีเฉลย)

        ตอนนั้น กังวลมากคะ เพราะว่าเคยได้ยินเรื่องราวที่ไม่ได้เกี่ยวกับอาชีพนี้มาเยอะ ไม่ว่าจะเป็นโดนโกงค่าคอม , ยิงทิ้ง, นายหน้าขี้โกง, บลา บลา บลา สารพัด

      จริงๆตอนเริ่ม เราไม่ได้หาข้อมูลเยอะมากว่าอาชีพนี้ต้องทำอะไรมาก .. คือ "รีบ" อยากสำเร็จไวๆ หาข้อมูลก่อน ว่าสิ่งที่ทำเป็นตัวเรารึเปล่าจะทำให้เราสำเร็จเร็วกว่าจ้า ยิ้ม แต่ของเราโชคดีตรงที่  ตอนเราเริ่มทำอาชีพนี้ เราไม่ได้ฉายเดี่ยวคะ เราเป็นนายหน้าสังกัดบริษัท ขายได้ รับค่าคอมมิชชั่น หรือค่านายหน้า แบ่งครึ่งกับบริษัท พอมาถึงตรงนี้ มีหลายคนสงสัยว่า อ้าวทำไมต้องแบ่งครึ่ง แบ่งครึ่งก็ได้น้อยสิจะคุ้มเหรอ ? คือเราอาจจะแตกต่างจากคนอื่นหน่อย

การแบ่งครึ่งทำให้เราได้เงินน้อยลง แต่สิ่งที่ดีมากๆ ที่เราได้มาจากการสังกัดบริษัท ก็คือ เราได้รู้ขั้นตอนการทำงานแบบมืออาชีพ ว่านายหน้ามืออาชีพ จริงๆแล้วเป็นแบบไหน, ได้รู้ช่องทาง ไม่ให้โดนโกงค่านายหน้า .. ขอแอบกระซิบว่า ตั้งแต่ทำอาชีพนี้มา ได้รับค่าคอมมิชชั่นครบทุกบาท ไม่เคยโดนเบี้ยวเลย ยิ้มยิ้มยิ้ม ,อีกอย่างตอนเราเริ่ม เราคือคน "โนเนม" ฉายเดี่ยวทีแรกคงไม่มีใครอยากซื้อ-ขายกับเรา การสังกัดบริษัทมันน่าเชื่อถือระดับนึง ก็เลยทำงานง่ายคะ ที่สำคัญคือ ภาพลักษณ์ของอาชีพ "นายหน้า" ที่เคยได้ยินมาเมื่อก่อน หายเกลี้ยง ไม่เหลืออยู่ในหัวเลยคะ

      พอมาเริ่มทำอาชีพนี้จริงๆ ไหนใครบอกว่าง่าย ไหนใครบอกว่าจับเสือมือเปล่า ไม่จริงเลยสักนิด !!! เพราะเราต้องรู้ข้อมูลพื้นที่ที่เราขาย, ฝึกเจรจา, เปิดใจลูกค้า, รู้เรื่องสินเชื่อ, ต้องดูเอกสารโฉนดให้เป็น, ต้องเก่งนำเสนอ, คำนวณค่าโอนต้องได้, ไปโอนก็ต้องไว, ทำการตลาดดึงจุดเด่นให้ขายได้, ต้องอัพเดตข้อมูลพัฒนาตัวเองตลอด และอีกเพียบ เยอะจริงจังคะ บอกเลยทำอาชีพนี้มาได้ 3 ปี รู้สึกเก่งกว่าเดิมเยอะ จนลืมตัวเองเมื่อก่อนไปเลยคะ ประหลาดใจ

      ตอนแรกๆก็ท้อนะคะ แต่สู้ เพราะเรารู้ว่ามันคุ้มที่จะสู้ อาชีพนี้เราไม่ได้สบายอยู่ในห้องแอร์ เราต้องลงพื้นที่ ตากแดดออกไปสำรวจข้อมูล พาลูกค้าไปดูที่ดินกลางแดดเปรี้ยง ต้องถึกและทน เราไม่ได้จับเสือมือเปล่า ที่เอาโฉนดไปหว่านแล้วขายได้ ฟลุคอาจจะมีแต่น้อยมากคะ นายหน้ามืออาชีพที่ประสบความสำเร็จ เค้าใช้ประสบการณ์และความสามารถล้วนๆคะ  บางทีก็เสียใจ ร้องไห้ เพราะคนขายหลายคนคิดว่าเราทำงานง่าย แต่รับเงินเยอะ อยากจะบอกว่ากว่าจะสำเร็จ เราใช้ทักษะความสามารถในการทำอาชีพจริงๆ ใครที่จะมาทำอาชีพนี้บอกเลย ต้องสตรองระดับนึง ใจไม่สตรองไปทำอย่างอื่นดีกว่าคะ

ข้อดีของอาชีพนายหน้าอสังหาฯ
1. รายได้ดี มาตรฐาน 3% แต่ถ้าเป็นเมืองท่องเที่ยว 7-8% สวยๆ
2. อิสระด้านเวลา จัดตารางชีวิตของตัวเองได้ แต่ต้องมีวินัยนะคะ
3. ได้เจอผู้คนเยอะ, connection กว้างขึ้นเรื่อยๆ ทำไปสักพัก รู้จักคนเยอะขึ้น บริการลูกค้าดีๆ รับรองนานไป ลุกค้าวิ่งเข้าหาเพียบ
4. เก่งเร็วมากๆ เพราะอย่างที่บอกไป อาชีพนี้ต้องเก่งรอบด้านคะ
5. เป็นนายตัวเอง แพลนการทำงานด้วยตัวเองได้อย่างอิสระ
6. ทำงานได้ทุกที่ ที่บ้าน ร้านกาแฟ บ้านเพื่อน บ้านญาติ บ้านแฟน
   
    จริงๆมีมากกว่านี้นะ แต่ชีวิตคนเราสุดท้ายก็ต้องการอยู่ไม่กี่อย่างถูกทั้ยคะ ไม่ว่าจะเป็น เงิน หรือเวลา และเราคิดว่าอาชีพนี้ตอบโจทย์คะ เพื่อนๆเห็นด้วยมั้ย ?

    ฉายเดี่ยว หรือ สังกัดบริษัท อันไหนดีกว่ากัน
    " ฉายเดี่ยว"
    อันนี้ความเห็นส่วนตัวล้วนๆนะคะ การ "ฉายเดี่ยว" ทำให้เราได้รับค่าคอมมิชั่น 100% วิธีนี้ เหมาะกับคนที่สตรองมากๆ เก่งรอบด้าน ไหวพริบดี คอนเนคชั่นเลิส แบรนด์ดิ้งตัวเองดีมากๆ มีขนาดนี้ ฉายเดี่ยวดีกว่าคะ ไม่ต้องปวดหัววุ่นวาย ชิวๆรับค่าคอมมิชชั่นคนเดียวเต็มๆ
    แต่ถ้าเป็นมือใหม่ อยากจะบอกจากใจว่า  ตอนเริ่มใหม่ๆ ปัญหาที่เราเจอ และเห็นส่วนใหญ่คือ การไปร่วมงานกับนายหน้าคนอื่นหลายๆคน สุดท้าย ก็ไม่ได้ 100% นะคะ บางที 10% ยังเหลือไม่ถึงเลย หรือบางครั้ง ไม่ได้ค่าคอมมิชชั่นเลยก็มี อันนี้นอกจากอดเงินแล้วยังต้องร้องไห้หนักมากด้วยคะ แต่สำหรับใคร ที่เป็นมือใหม่ แล้วต้องการฉายเดี่ยว แบบนั่งยัน นอนยัน เราก็ขอแนะนำให้เพื่อนๆ ไปหาคอร์สเรียนการเป็นนายหน้า จากหน่วยงาน, สมาคม, หรือบริษัทที่น่าเชื่อถือ ไปเรียนรู้วิธีการทำงานที่ถูกต้อง และหาเพื่อนใหม่ไปในตัวคะ วิธีนี้ก็จะช่วยป้องกันการปวดใจไปได้มาก

    "สังกัดบริษัท"
      การสังกัดบริษัท ข้อเสียคือได้เงินน้อยกว่า 50:50 (บางที่แบ่งเยอะกว่านี้) และมีกฎกติกาหลายอย่างที่อาจจะไม่อิสระเท่าไหร่นัก แต่มันก็มีข้อดีอยู่ในตัวของมันเอง เช่น มีการสอนงาน, ระบบการทำงาน, ช่วยทำการตลาด, มีแบรนด์เวลาคุยกับลูกค้า น่าเชื่อถือว่าเป็นคนธรรมดา, มีฝ่ายกฎหมาย เวลาคนจะเบี้ยวค่าคอมฯมีคนช่วยตาม, มีเจ้าหน้าที่คอยช่วยเหลือเรื่องเอกสาร, มีระบบฐานข้อมูล ฯลฯ ก็หลายอย่างคะ แต่ละบริษัทไม่เหมือนกัน วิธีนี้เราว่าดีสำหรับมือใหม่ เพราะเริ่มต้นได้ง่ายกว่า ที่สำคัญคือ การต่อรองกับลูกค้าในการทำสัญญาจะง่ายกว่า เพราะเรามีแบ็คเป็นบริษัทคะ
      แต่ถ้าใครมือโปรอยู่แล้ว อาจจะไม่ค่อยชอบใจการสังกัดบริษัท เน้นสบายใจทำเองดีกว่า อันนั้นล้วแต่จริตของแต่ละคนคะ ยิ้ม

      ทำยังไงให้ได้รับค่าคอมมิชชั่นเต็ม
      อย่างที่บอกไปว่า ตั้งแต่ทำอาชีพนายหน้ามา เราได้รับค่าคอมมิชั่นเต็มตลอด วิธีป้องกันไม่ให้โดนเบี้ยวค่าคอมมิชชั่น ง่ายๆเลยก็คือ "การทำสัญญา" หลักๆสัญญาแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ สัญญาปิดและสัญญาเปิด
      "สัญญาปิด" คือสัญญาที่ระบุให้ เรา ซึ่งเป็นนายหน้า เป็นคนรับผิดชอบขายแต่เพียงผู้เดียว  ใครเป็นคนขายได้ เจ้าของต้องจ่ายค่าคอมให้เรา แล้วเราค่อยไปแบ่งให้คนอื่นตามที่ตกลง วิธีนี้เป็นวิธีที่เราแนะนำคะ เพราะสัญญารัดกุม และอีกอย่าง การทำสัญญาปิด จะทำให้นายหน้าที่รับผิดชอบ ทำงาน ทำการตลาด ได้อย่างเต็มที่
      "สัญญาเปิด" คือสัญญาที่ระบุให้เราขาย ระบุค่าคอมฯ แต่นายหน้าคนอื่นยังมีสิทธิ์ขายอยู่คะ เพราะงั้น ถ้าเจ้าของติดป้ายขายเองอยู่หน้าบ้าน หน้าที่ดิน ทำไปก็สูญเปล่า เพราะคนซื้อขับรถวนไปดู โทรหาเจ้าของ จบ!!! ตัดเราทิ้งไป ร้องไห้หนักมาก T_T วิธีการเซ็นต์สัญญาเปิด แนะนำให้ใช้เซ็นต์กรณีที่เรามีคนซื้อที่รู้จักกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วจะซื้อ หรือ กรณีที่บ้าน-ที่ดินที่ขาย ราคาสูงมากๆ เพราะส่วนใหญ่ถ้าราคาสูงมากๆ ทางเจ้าของจะไม่ค่อยสะดวกในการทำสัญญาปิดคะ
     
        แถมอีกหน่อย ถ้าหากว่า ใครติดต่อคนรู้จักให้ช่วยกันขาย แนะนำให้ทำสัญญาแบ่งค่าคอมมิชชั่น ให้ชัดเจน ตั้งแต่เริ่มทำงานคะ เซ็นต์เป็นเอกสารชัดเจนกว่าการคุยกันปากเปล่าคะ เพราะคำพูด แป๊บเดียวก็ลืม แต่เอกสาร ชัดเจนด้วยตัวของมันเอง ^^ ที่สำคัญ ทำเอกสารไว้ สบายใจทุกฝ่ายคะ ไม่ต้องมาผิดใจกันทีหลัง

      สุดท้าย เฉลย คะ ทำอาชีพนี้รวยมั้ย ? ตอบเลยคะ ว่ารวยใช้ได้ เพราะแค่ปีแรกที่เริ่มทำ ก็สามารถจับเงินกว่า 1,000,000 บาท ได้ ถามว่าง่ายมั้ย ตอบเลยว่ามั้ยคะ ช่วงแรกต้องพยายามเยอะมาก อาจจะเริ่มจากบ้านหลังเล็กๆ เหนื่อยหน่อยแต่ประสบการณ์เยอะ พอเริ่มเก่งขึ้น ค่อยขยับไปบ้าน-ที่ดินที่ราคาสูงขึ้นไปอีกคะ ... จริงๆ อาชีพนี้ เป็นอาชีพที่เหมาะกับคนที่ตั้งใจ มีวินัย รักการบริการ ส่วนใครที่หวังว่าเข้ามาทำแล้วเผื่อฟลุ๊คสุดท้าย อาจจะผิดหวังได้นะคะ