กฏการซื้อขายหุ้น

กฏการซื้อขายหุ้น

Dtac ถัวได้ยังครับ อิอิ (39.50 ดอย 101)
ยังค่ะ
ไม่แนะนำให้ถัวหุ้นขาลงนะคะ

การเข้าถือADVANCควรดูจังหวะด้วย SETยังขาลง ผมว่าเสี่ยง1200ด้วย รอกลับตัวค่อยซื้อยังไม่สาย ตกรถดีกว่าติดดอย

สำหรับการลงทุนระยะยาว ส่วนตัวจะหลีกเลี่ยงกลุ่มนี้เนื่องจากความเสี่ยงจากปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ในอุตสาหกรรมนี้สูงมาก
และที่สำคัญที่สุด มีบริษัทอีกมากมายในตลาดที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมของตัวเองและชนะอย่างค่อนข้างชัดเจน
โดยที่ปัจจัยภายนอกมากระทบน้อย ซึ่งน่าจะหาจังหวะลงทุนระยะยาวแล้วสบายใจกว่ากันเยอะครับ

true กับ jas ถ้าเล่นข่าวนี้หุ้นพุ่งอาจลิ่งครับ
แต่อีกสองสามเดือนอาจตก 50 60% เพราะเพิ่มทุน หุ้นไดรูท ครับ

ทางเลือกในการตัดสินใจ… เมื่อหุ้นตกหนัก!
วิธีที่ดีที่สุดคือ ถ้าเห็นขาลงให้คัทลอส และนั่บทับมือจนกว่าจะถึงใกล้ถึงขาขึ้น เชื่อเม่า เม่าเจ็บมาเยอะ


ID=2733,MSG=3433
Re: กฏการซื้อขายหุ้น

Re: กฏการซื้อขายหุ้น

มันเป็น corporate PR ครับ เค้าก็เตรียมไว้ทั้งแพ้ทั้งชนะนั่นแหละครับ
หากชนะก็จะบรรยายว่าเงิน 70000 ล้านที่ลงไปมันคุ้มมากมาย ดีต่ออนาคต ฯลฯ
หากแพ้ก็บอกว่าเงินที่ประหยัดได้คุ้มกว่าไปจ่ายค่าใบอนุญาต
ทุกค่ายต้องเตรียมไว้ครับ หาก PR เจ้าไหนไม่เตรียมไว้ทั้งสองแบบถือว่าอ่อนหัด
แต่คนอ่านก็ไม่ต้องอินมาก เค้าเขียนไว้หมดล่ะครับ ไม่ว่าแพ้ชนะก็เขียนมาดูดีแน่

"จงกลัวเมื่อคนอื่นกล้า จงกล้าเมื่อคนอื่นกลัว"

จิงๆประโยคนี้ มันมีเคล็ดลับอยู่ คือ หุ้นที่คุณซื้อเมื่อคนอื่นกลัว มันต้อง undervalue (ไม่ใช่ลงมาเยอะ แล้วจะมโนว่า undervalue)
และหุ้นที่ คุณขายเมื่อคนอื่นกล้า มันต้อง overvalue  คุณถึงขายให้เขา

หากคุณประเมินกำไรในอนาคตไม่ได้ ไม่ว่า ค่าเสื่อม ค่าใบอนุญาต กำไรที่เพื่มขึ้นจาก 4g  คุณก็ตีมูลค่าไม่ออกหรอก
และหากคุณตีมูลค่าไม่ออก การยกประโยคบัพเฟตต์มามันตลกมาก

พวกเห็นเค้าพูดยังไงก็หยิบมาอ้างแบบนั้น ไม่ได้ดูบริบทอะไรเล้ย


ID=2733,MSG=3446
Re: กฏการซื้อขายหุ้น

Re: กฏการซื้อขายหุ้น

Upa แนวรับ แนวต้านที่ทะไหร่คะ

Upa อย่าเล่นเลย มันไม่ใช่หุ้นพื้นฐานดีที่น่าเล่น คือเอาตรงๆ ช่วงนี้สังเกตตอนปิดตลาด กลุ่มที่ซื้อคือโบรค ละคือโบรคมันถือไม่นาน แปลว่าอะไร? แปลว่าตลาดที่มันบวกๆทุกวันนี้ ไม่เกิน 2-3 วัน เละ

ยิ่งกราฟ set แบบราย week น่ากลัวมาก ดูแล้วเหมือนตลาดกำลังจะพังด้วยซ้ำ คือเส้นค่าเฉลี่ย 5 เส้นตัดลงหมดเลย"ทุกเส้น"เราเรียกมันว่า dead cross

เอาตรงๆถ้าเมไม่ใช่มาร์เมคงแนะนำให้เอาเงินไปฝากธนาคาร หรือถือเงินสด แต่ทำแบบนั้น มาร์จะทำไงละคะ ไม่ได้เลย 5555

เพราะงั้นตลาดยังงี้ ถ้าจะเล่นก็อย่าโลภ สังเกต ช่วงนี้หุ้นลิ่งเยอะมาก มันไม่ใช่สัญญาณที่ดี ออกไม่ทัน ก็ระวังแม่คะนิ้งเกาะด้วย /  ดอยตรงลิ่งไงคะ 55555

จิงๆเศรษฐกิจไม่ได้แย่หรอก แต่money gameมันโหด คนเล่นลงมันมีเครื่องมือช่วยถล่มให้ลงแรงและเร็วมากๆ

แต่ต่างชาติถือแต่หุ้นใหญ่ๆพื้นฐานดีๆ หุ้นซิ่งหุ้นปั่นเค้าไม่ค่อยสนใจ

ตอนนี้ลงก้อลงเพราะตัวใหญ่ๆ หุ้นตัวเล็กก้อเลยพอยังมีให้เล่นอยุ่บ้าง

เอาเงินกลับไปบ้านเค้ามั้งคะ ขึ้นrละหนิ เอาไปตลาดที่ได้รีเทินสูงกว่าบ้านเรา

Intuch ,Advanc พอเข้าได้ไหมครับ?
จริงๆเมยังมองว่าพื้นฐานเค้ายังดีโดดเด่นที่สุดในกลุ่มสื่อสารนะคะ ตอนนี้ราคาลงมาเยอะมาก แต่ก็ยังไม่เห็นจุดกลับตัว แต่เมว่าก็ยังพอทยอยเก็บไปเรื้อยๆได้อยุ่นะคะ

Ptt แค่รีบาวตามราคาน้ำมันมนตลาดโลกที่ปรับตัวขึ้นนิดหน่อยจากการเข้าเก็งกำไร หลังจากที่ราคาลงมาต่ำมากๆอ่าค่ะ
กราฟ ptt ขึ้นแบบไม่มีโวลุ่มด้วยอ่า เมเลยให้น้ำหนักแค่รีบาว
update  คำแนะนำ หุ้นประมูล 4G จาก นักวิเคราะห์......  BLOOMBERG
THCOM เชียร์ไปเมื่อวาน ตอนนี้ขึ้นไปทดสอบต้านแรกที่ 29.50 แล้วนะคะ

JAS เผยได้รับสนับสนุนด้านอุปกรณ์โครงข่ายจากหัวเหว่ย - ได้เงินกู้จาก BBL
JAS เผยมีตปท. สนใจเข้าเป็นพันธมิตร"แจสโมบาย บรอดแบนด์"หลายราย เตรียมคัดเลือก 1 รายเข้ามาถือหุ้น 10-20%
AS เผย BBL เป็นแบงก์รายเดียวที่ให้วงเงินกู้ลุย 4G กับบริษัท
JAS คาดเปิดตัวพันธมิตรต่างชาติได้ประมาณไตรมาส1/59
JAS คาดปี 59 ไม่ขาดทุน หาก"แจส โมบาย"หาลูกค้าได้ 2 ล้านราย ตามเป้าหมาย

Jas เข้าได้แล้วใช่ป่าวครับ
ยังค่ะยัง


เถ้าแก่น้อย ก่อแพทเทิล 3 เหลี่ยมค่ะ
รูปภาพ
ถ้าทะลุต้านบนขึ้นไปได้ น่าจะไปได้ถึงแถวๆ 9.50
ยืน 8.70 ได้ จะเป็นสัญญาณเข้าซื้อนะคะ
TKN รับ 8.70 / ต้าน 9.50 / คัท 8.50


ID=2733,MSG=3453
Re: กฏการซื้อขายหุ้น

Re: กฏการซื้อขายหุ้น

VI เทพๆ  ขายหนีหมดแล้วตั้งแต่ 1500-1600  หรือไม่ก็ทุนต่ำคอดๆ  จนไม่สนใจฟ้าดินอีกแล้ว
VI สามัญชน  กำไรหดหายไปเยอะ  แต่อาศัยกินปันผลเลี้ยงชีพ  เลยไม่ขาย
VI กลวงๆ  จาก พอร์ตเขียวๆ  กลายเป็นแดงไปหมดแล้ว
VI ดอย    ถือยาว 20 ปี  กว่าจะหลุดดอย
VIVI  ถือยาวเต็มที่ 1 คืน


ID=2733,MSG=3454
Re: กฏการซื้อขายหุ้น

Re: กฏการซื้อขายหุ้น

ราคาน้ำมันยังไม่ผ่านแนวต้านที่ควรผ่าน (แปลว่ายังเป็นขาลง)
ล่าสุด ราคาน้ำมันกลับร่วงลงมา -3.5% เทรดต่ำกว่า $37 อีกรอบ กดดันบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นยุโรปและสหรัฐฯคืนนี้


ID=2733,MSG=3460
Re: กฏการซื้อขายหุ้น

Re: กฏการซื้อขายหุ้น

วันนี้ตลาดเปิดวันสุดท้ายนะคะ พรุ่งนี้หยุดแล้ว
กำไรก็ขายออกมาก่อน ลดความเสี่ยงวันหยุดยาวนะคะ


ID=2733,MSG=3461
Re: กฏการซื้อขายหุ้น

Re: กฏการซื้อขายหุ้น

อ่านหนังสือหุ้นมาก็เยอะ
แต่ไม่มีเล่มไหน ที่ระบุรายละเอียดเชิงลึก ในจังหวะซื้อและจังหวะขาย โดยใช้ปัจจัยพื้นฐาน

ผมเองใช้พื้นฐานเลือกหุ้น หาราคาเหมาะสม แล้วก็ดูเทคนิคคอลหาจังหว่ะเข้าซื้อ
บางตัวต่ำราคาพื้นฐานแล้ว แต่โมเมนตั้มยังไม่มา แรงขายมีตลอด ก็ซื้อไม่ได้ครับ

ตลาดมันสวิง เอาแน่เอานอนไม่ได้ ไม่แนะให้ถือยาว
เล่นสั้นเป็นตัวๆไปปลอดภัยกว่า


ID=2733,MSG=3464
Re: กฏการซื้อขายหุ้น

Re: กฏการซื้อขายหุ้น

เชียนจริงๆที่ใด้เงินจากตลาดนะครับ ใช้กราฟ เดย์ วีค เดือน 3 ทามเฟรมแค่นี้แหละครับ  พื้นฐานก็เลือกหุ้นปันผลทุกปี p/e 10-15เท่าครับ ส่วนหุ้นตัวเล้กหรือหุ้นปั่น ก้เล่นด้วยระบบ dsm ชื้อถุกขายแพง แล้วรอชื้อกลับ เท่านี้และครับ ง่ายๆ แต่ใด้เงิน

สำหรับกราฟ ซื้อจอใหญ่ๆมาสัก 2 จอ  ก็จะตั้งประมาณ จอละ 8 ตัว แบบไม่ยัดเกินไป
โปรแกรมใช้ E-finance ก็ได้ ดู Volume ผิดปกติได้ กรองงบการเงินคร่าวๆ ได้ แต่ถ้าอยากกรองดีขึ้นหน่อย อาจจะต้องซื้อตัว Premium
มันมีแค่ 3 เจ้าแหละ E-finance / Aspen / Bisnews แต่ 2 อันหลัง Scan งบการเงินไม่ได้
Aspen เหมาะสำหรับคนที่อยากแก้ อินดิเคเตอร์ หรือดึงด้าต้าเรียลไทม์ลง Excel เพราะ E-finance มันแก้ไม่ได้ แต่ประเด็นคือมันต้องเข้าใจ Indicators ทั้งหมดก่อน ไม่งั้นอาจจะไม่คุ้มเงินที่เสียไป

ยกเว้นถ้าจะเป็น System Trade ก็จะใช้ Amibroker กัน
ถ้าอยากดูงบการเงินจริงจัง ก็ต้องเข้าไปดูที่เขาส่งงบของ ก.ล.ต (SEC)
เราไม่ไล่ดูทีละตัวนะ เรากรองก่อน ส่วนหลักการกรองก็คงของใครของมัน


ID=2733,MSG=3549
Re: กฏการซื้อขายหุ้น

Re: กฏการซื้อขายหุ้น

เริ่มจาก 10,000 ทำให้ได้ 2 เท่า 10 ครั้งก็เป็น 10 ล้านแล้วครับ

ตอน set ขึ้นรอบใหญ่คราวที่แล้วขึ้น 2-3 เท่าเกือบทุกตัว


ID=2733,MSG=3550
Re: กฏการซื้อขายหุ้น

Re: กฏการซื้อขายหุ้น

เงินต้นเท่านั้น ผลตอบแทนเท่านี้ กี่ปีถึงจะรวย ... หยุดมโน เพราะคำถามนี้มีคำตอบ

เล่นหุ้นไม่ยาก ... เล่นหุ้นโคตรง่าย ... เซียนหุ้น xxx ล้าน สมัครคอร์สได้ที่ ... <<< คำหลอกลวง บลา ๆ ๆ ๆ
ลงกองทุน LTF & RMF ได้มากสุดปีละ 5 แสน นอกจากออมเงิน ลดหย่อนภาษี แล้วชีวิตนี้จะมีอิสระภาพทางการเงินไหม ???
ลงทุนในหุ้นเริ่มต้นเท่าไหร่ดี ต้องทำกำไรจากหุ้นให้ได้เท่าไหร่ ถึงจะมีเงิน xxx ล้าน ภายใน n ปี <<< คำถามบลา ๆ ๆ ๆ
ความฝันหอมหวาน ฉันเข้าตลาดหุ้น ฉันจะมีอิสรภาพทางการเงิน ฉันจะรวยและมีคนหลงรักมากมาย <<< และมโนบลา ๆ ๆ ๆ
โปรดหยุดและดูตาราง ที่จะแปะให้ดูด้านล่างนี้ ก่อนที่จะตัดสินใจวาดฝัน ไม่ทำงานประจำ ลาออก เพื่อมาเล่นหุ้น 

คำอธิบาย ...
ตารางต่อไปนี้ สำหรับคนที่มีความรู้ มันคือการย้ายข้างสมการ CAGR เพื่อหา มูลค่าเงินสุทธิที่ n ปี
สำหรับคนที่ไม่รู้ CAGR ย่อมาจาก Cumulative Annual Growth Return หรือ อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยรายปี
โดยที่คิดจาก มูลค่าเงินสุทธิที่ n ปี กับ มูลค่าเงินต้น ว่าต่างกันเท่าไหร่ แล้วค่อยมาหาค่าเฉลี่ย ซึ่งเป็นวิธีคิดผลตอบแทน
ของกองทุนโดยปกติ (ไม่ใช่การนำ ผลตอบแทนของแต่ละปี มารวมกัน แล้วหารจำนวนปี เพราะจะทำให้ค่าที่ได้มานั้นผิดตรรกะ)

โดย ... ตารางนี้เป็นตารางที่ คำนวณให้ว่า ถ้าคุณมีเงินต้นที่ xxx ล้าน (ช่อง Column เงินต้น)
แล้วทำอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยได้ที่ x % (ช่อง ขวามือบน อัตราผลตอบแทน)
ภายในเวลา x ปี ( ไล่ไปตามแนวนอน) คุณจะมีเงินเมื่อผ่านไป n ปีที่เท่าไหร่

วิธีการดู ก็แค่เลื่อนลงไปดูที่ผลตอบแทนที่ คุณคิดว่าคุณสามารถจะทำได้ หลังจากนั้นดูที่เงินต้น
ว่าเงินต้นของคุณมีเท่าไหร่ หลังจากนั้นวาดฝันว่า คุณสามารถทำกำไรได้ดีไปจนปีที่คุณพอใจ 1 - 10
เลือกเอาที่พอใจ น่าจะพอครอบคลุม 1 Cycle ของเศรษฐกิจพอดี ใครอยากได้มากกว่านั้นหลังไมค์นะครัช

สีแดงคือน้อยกว่า 20< ล้าน สีเหลืองคือ 20-50 ล้าน สีเขียวคือมากกว่า >50 ล้าน
โดยเราเริ่มจาก CAGR 15% ซึ่งเป็นประมาณการ อัตราผลตอบแทนของ SET ที่กองทุนใช้อ้างอิง
จนไปถึง 100% ต่อปีที่หลายๆ คนคาดหวัง หรือ คำอวดอ้างที่ เพจและเซียนหุ้นของเก้ หลายสำนัก
ใช้เป็นคำหลอกล่อ ให้เม่าไปลงคอร์สเรียน แต่ก็ไม่เคยเห็นเขาจะเอาพอร์ท ที่มันมีตัวเลขเขียวบวกๆ มาโชว์สักที

หลังจากนั้นลองเริ่มจาก ถ้าคุณลง LTF ที่ 0.5 ล้านบาท (5 แสน) 10 ปีผ่านไป สมมติว่ากองทุนที่คุณเลือก
ทำได้ตามอัตราผลตอบแทนของ SET ที่ 15% คุณจะมีเงินสุทธิที่เท่าไหร่ คำตอบคือ 2.02 ล้าน ใช้เดือนละ 2 หมื่น
ก็อยู่ได้สัก 100 เดือน แต่มันจะได้ถึง 2 ล้านรึเปล่า อันนี้ตอบไม่ได้ เพราะมันขึ้นอยู่กับการเลือกกองทุน
จังหวะในการซื้อ และฝีมือบริหารของผู้จัดการกองทุน ... แต่คุณลงเงินเพิ่มได้ทุกปี เข้าใจตรงกันนะ

ทีนี้ไปดูคำถามต่อไป ถ้าคุณอยากได้อย่างต่ำ 20 ล้าน เพื่อยามเกษียณหละ คุณต้องมีเงินต้นสักเท่าไหร่
ผลตอบแทนต้องประมาณไหน และภายในกี่ปี  มองหาช่องที่มาร์คด้วยสีเหลือง ช่องแรกไล่ตามแนวดิ่งได้เลย
ปัญหาอยู่แค่ว่า คุณจะทำได้หรือเปล่า ... ส่วนถ้าความสามารถคุณเยอะกว่านั้น ตารางนี้คุณคงสามารถคำนวณเองได้อยู่แล้วหละ
ถ้ายังคำนวณไม่ได้ หรือ คำนวณผลตอบแทนทบต้นไม่เป็น โปรดพิจารณาตัวเองนิดนึงนะ ว่าความรู้คุณยังกว้างไม่พอ

เล่นหุ้นไม่ง่ายนะครัช โปรดหาความรู้ และ ทดสอบเยอะๆ ไม่ต้องรีบลาออก เด็กจบใหม่ คนเบื่องานประจำ อย่าเพิ่งฝันหวาน
ว่าคุณจะมาสูบเงินจากตลาดหุ้น ไปได้ง่ายๆ ในทางกลับกัน มันก็ไม่ได้ยาก ถ้าคุณมีหลักการ และบูรณาการความรู้ ได้ดีเพียงพอ
เงินต้นเพียงพอ ระยะเวลา อัตราทบต้น และ ตลาดเอื้ออำนวยเพียงพอ ...  เยอะเน๊อะ จบละ หวังว่าจะเป็นประโยชน์บ้างไม่มาก็น้อยครัช

ป.ล. Warren Buffet ทำ CAGR ได้อยู่แถวๆ 20% +/- ... แต่ไปดูเงินต้น และ จำนวนปีที่เขาลงทุน กันเอาเองละกันนะครัช http://upic.me/i/65/1441752320-pantip1-o.png
http://upic.me/i/e0/1441752354-pantip2-o.png


ID=2733,MSG=3551
Re: กฏการซื้อขายหุ้น

Re: กฏการซื้อขายหุ้น

VI  ก็ขายหุ้นนะ  เพราะเมื่อราคาหุ้น เต็มมูลค่าก็ขาย เวลาพื้นฐานที่เป็นส่วนสำคัญเปลี่ยนก็ขาย


ID=2733,MSG=3552
Re: กฏการซื้อขายหุ้น

Re: กฏการซื้อขายหุ้น

ส่วนประกอบในตลาดหุ้น
หุ้น = สิทธิในการเป็นเจ้าของบริษัท โดยแต่ละบริษัทอาจจะแบ่งสิทธิเป็น "หมื่นล้าน" สิทธิก็ได้
ตลาดหุ้น = ตลาดที่มีไว้ซื้อขายสินค้า ซึ่งสินค้านั้นคือ สิทธิในการเป็นเจ้าของบริษัท(มหาชน)
โบรคเกอร์ = บริษัทที่ทำหน้าที่เป็นนายหน้าซื้อขายหุ้น โดยคิดค่าคอมเป็นค่าบริการ
นักวิเคราะห์ = พนักงานวิเคราะห์มูลค่าบริษัท(มหาชน) และเขียนบทวิเคราะห์ของโบรคเกอร์
มาร์เก็ตติ้ง = พนักงานขายของโบรคเกอร์ ได้รับค่าจ้างจากค่าคอมเป็นค่าบริการอีกที
นักลงทุน = คนที่มาเดินตลาดเพื่อซื้อขายหุ้น มีทั้งจากในประเทศและต่างชาติ ทั้งรายบุคคลและนิติบุคคล
ก.ล.ต. = ตำรวจตรวจตลาดหุ้น ... 555+ ย่อมาจาก สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

จะซื้อขายหุ้นได้อย่างไร
เปิดพอร์ท = คล้ายๆการเปิดบัญชีธนาคาร เพื่อไว้ใช้บริการในการซื้อขายหุ้น โดยอาจจะ walk-in หรือ หามาร์เก็ตติ้งตามงานแฟร์เองก็ได้
เติมเงิน =  ประเภทของบัญชีหุ้น 1 แบบเติมเงิน เรียกว่า Cash Balance และ 2 แบบที่ตัดเงินจากบัญชีธนาคาร เรียกว่า Cash collateral
การซื้อขายหุ้นผ่านโบรคเกอร์ = มี 2 วิธี ผ่านมาร์เก็ตติ้ง ค่าคอม 2578 บาท / 1 ล้านบาท ผ่านอินเตอร์เน็ต 1,578 บาท / 1 ล้านบาท
ซื้อขายหุ้นผ่านมาร์เก็ตติ้ง = ไม่ต้องดาวน์โหลดอะไรเลย ยกหูโทรศัพท์อย่างเดียว มาร์เก็ตติ้งได้ 675 บาท / 1 ล้านบาท
ซื้อขายหุ้นผ่านอินเตอร์เน็ต = ต้องดาวน์โหลดโปรแกรม Streaming Pro มาร์เก็ตติ้งได้ 200 บาท / 1 ล้านบาท
เสียเงินเมื่อไร ได้เงินเมื่อไร = เสียเงินเมื่อซื้อ ได้เงินเมื่อขาย จะได้กำไรหรือขาดทุน ได้น้อยได้มาก ขึ้นอยู่กับราคาที่ขายนะจ๊ะ
ป.ล. ค่าคอมที่กล่าวข้างต้นอาจมีการเปลี่ยนได้ ขึ้นอยู่กับกฎเกณฑ์ของแต่ละโบรคเกอร์ เนื่องจากตอนนี้เปิดเสรีค่าคอมแล้ว

ว่าด้วยการเล่นหุ้น
ทำไมต้องเล่นหุ้น = หลายคนอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง โดยที่ไม่ต้องไปดูแลธุรกิจเอง หุ้นนี่แหละคือคำตอบ
เล่นหุ้นเสี่ยงไหม = การไม่มีความรู้ และ การทำธุรกิจ มีความเสี่ยงเสมอ แต่เสี่ยงน้อยกว่า แทงหวย และเล่นสล็อตแมชชีน แน่ๆ
ทำไมถึงเสี่ยงน้อยกว่า = เพราะตอนนี้หุ้นมีแค่ประมาณ 600 กว่าตัว มีแค่ขึ้นกับลง ในขณะที่หวยมีตั้งกี่แสนเลข แถม 15 วันก็เป็น 0
แล้วอะไรหละที่เสี่ยง = ปริมาณเงินที่คุณลงในหุ้นไง ถ้าคุณรู้ว่าคุณไม่แม่นมันสมควรไหมที่ จะเอาเงินไปลงเยอะๆในหุ้น 1 ตัว ?
วิธีการวิเคราะห์หุ้นมีกี่แบบ = หลักๆมี 2 แบบคือวิธีการประเมินมูลค่าของบริษัท กับ วิธีการประเมินการเคลื่อนไหวของราคา
วิธีการประเมินมูลค่า = Fundamental Analysis และ วิธีการประเมินการเคลื่อนไหวของราคา = Technical Analysis
แล้วจะรู้ได้ไงว่าแบบไหนดี = แบบไหนที่คุณมีความรู้ และถูกจริตกับมันดีที่สุด จะให้ดีต้องมีระบบวิเคราะห์เป็นของตัวเอง
ต้องมีเงินสักเท่าไรในการเริ่มต้น = เริ่มลองของอยากให้มีที่ 100 หุ้น x 10 บาท x 20 ตัว = 20,000+ บาท เทรดอินเตอร์เน็ต+ไม่มีขั้นต่ำ
เล่นสั้น หรือ เล่นยาวดี = อยู่กับคำจำกัดความว่า สั้นคือกี่วันยาวคือกี่วัน ถ้าเล่นสั้นแล้วได้กำไรมากกว่าเล่นยาว ก็เล่นไปเถอะ
เราจะทำเงินจากหุ้นได้อย่างไร = ในกรณีซื้ออย่างเดียว มี 2 แบบคือ มูลค่าของบริษัทเพิ่มขึ้น (Capital Gain) และ เงินปันผล (Dividend)

แหล่งติดตามข้อมูล
ทางทีวี = Money Channel www.moneychannel.co.th
เว็ปไซด์สำหรับข้อมูลบริษัท = www.set.or.th / www.settrade.com / www.sec.or.th
เว็ปไซด์สำหรับติดตามข่าวรอบโลก = www.bloomberg.com / www.investors.com/default.htm
เครื่องมือติดตามและดูข้อมูลราคาหุ้น = www.efinancethai.com / www.aspenthai.com / www.bisnews.com/th/index.php
เครื่องมือของเว็ปดังกล่าวมีไว้สำหรับดูกราฟราคา มือใหม่แนะนำใช้ efinancethai ที่ทางโบรคเกอร์จะแถมมาให้อยู่แล้วนะจ๊ะ

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

เอาหละมาถึงเรื่องของเรากันบ้าง ขอออกตัวก่อนว่าเคยทำงานอยู่ในแวดวง แต่ไม่ได้เป็นมาร์เก็ตติ้ง และในบางครั้ง
ต้องคอยตามนั่งแก้ปัญหาให้ท่านๆลูกค้าหลายๆคน ซึ่งค่าคอมก็ไม่ได้อะนะ ได้แต่เงินเดือนกับโบนัสน้อยนิด 555+
โดยปัญหาของนักลงทุนรายย่อยส่วนใหญ่คือ ไม่มีความรู้ เมื่อไม่มีความรู้ก็ ไม่มีความระมัดระวัง ทั้งๆที่ก็รู้กันว่า
" การลงทุนมีความเสี่ยง " นั่นแปลว่าส่วนที่สำคัญเป็นอย่างแรกน่าจะเป็นการควบคุมความเสี่ยง " ด้วยการมีความรู้ "
นอกจากนี้ สิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ ไม่รู้จักประเมินตัวเอง เมื่อไม่รู้จักประเมินตัวเองก็หลงผิด แล้วก็มักจะสรุปอะไร
ต่อมิอะไรแบบผิดๆ เมื่อสรุปอะไรแบบผิดๆ ก็จะตัดสินใจแบบผิดๆ หลังจากนั้นก็จะเป็นปัญหา ต่อเนื่องมาให้เราช่วยแก้
จนบางครั้งเราเห็นแล้วเราต้องขอนัดเจอแล้วช่วยสอนให้ เผื่อปัญหาจะน้อยลงบ้าง แต่สุดท้ายรู้สึกว่าการสอนฟรีมักไม่มีค่าเสมอ
วันนี้เราเลยอยากจะมาระบายอารมณ์เล็กน้อย ว่าสิ่งที่นักลงทุนสมควรรู้ในวิธีทางของการวิเคราะห์ทั้ง 2 แนวคืออะไรบ้าง
แต่คงจะไม่ลงลึกมาก ส่วนเครื่องหมายต่างๆ ที่จำเป็นต้องรู้ของตลาดหลักทรัพย์ไปหาอ่านกันเอาเองนะ

แนวทางการลงทุนแบบ Fundamental Analysis

ตามหลักการในการวิเคราะห์มูลค่าหุ้นในเคสทั่วไป ราคาของหุ้นจะ "เริ่มเพิ่มขึ้น" ก็ต่อเมื่อมีการคาดการณ์ว่า บริษัทที่เราลงทุนนั้น
จะสามารถทำกำไรได้ในไตรมาสนั้นๆหรือปีนั้นๆ เหตุผลเพราะเมื่อบริษัท มีรายได้ เก็บเงินได้ และนำมาหักค่าใช้จ่ายและลงทุนแล้ว
ไม่ขาดทุนเหลือเป็นกำไร ก็จะแบ่งกำไรออกมาเป็น ปันผล ให้กับผู้ถือหุ้น ซึ่งการจ่ายหรือไม่จ่ายปันผลนั้นขึ้นอยู่กับนโยบายของบริษัท
เพราะในกรณีที่บริษัทนั้นๆกำลังอยู่ในช่วงเติบโต บริษัทอาจจะจำเป็นต้องใช้เงินลงทุนในการขยายกิจการ อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่บริษัท
ไม่จ่ายเงินกำไรออกมาเป็นเงินปันผล ส่วนของกำไรนั้นจะวิ่งกลับไปเข้าไปสู่ กำไรสะสม ซึ่งกำไรสะสมเป็นส่วนหนึ่งของ ส่วนของผู้ถือหุ้น
ก็คือส่วนของคุณนั่นแหละ คุณถือหุ้นอยู่ไม่ใช่หรอ เพราะฉะนั้นสิ่งที่คุณจะได้ก็คือ มูลค่าของบริษัทเพิ่มขึ้น

เพราะฉะนั้นสิ่งหลักๆ ที่คุณสมควรจะรู้คือ (โดยเฉพาะในกรณีที่หุ้นที่คุณถือ ไม่ใช่หุ้นที่อยู่ใน Watch List ของนักวิเคราะห์)
1 บริษัททำอะไร เป็นสินค้าหรือบริการประเภทไหน
2 ต้นทุนหลักของบริษัทคืออะไร ที่ดิน เครื่องจักร วัตถุดิบ หรือ คน
3 ลูกค้าหลักของบริษัทเป็นใคร รายย่อย หรือ บริษัทด้วยกัน ส่วนมากจะซื้อช่วงไหน
4 คู่แข่งในตลาดของบริษัทมีใครบ้าง การแข่งขันสูงไหม มีสินค้าใช้คู่กัน หรือสินค้าทดแทนไหม
ว่าง่ายๆ ส่วนแรกคือส่วนที่เกี่ยวกับ Five Force Model และงบกำไรขาดทุน - ไม่ใช่ถามอะไรไปไม่รู้สักอย่าง

โอเคสมมติว่า คุณรู้แล้วหละว่าบริษัทที่คุณกำลังจะร่วมถือหุ้นอยู่ทำอะไรยังไง คร่าวๆคุณก็จะพอประเมินได้ว่า
5 เศรษฐกิจในปัจจุบันน่าจะเอื้ออำนวยให้กับบริษัทที่คุณจะซื้อไหม แนะนำให้ติดตามตัวเลขเศรฐกิจจากธนาคารแห่งประเทศไทย
6 มีนโยบายของภาครัฐ หรือสิ่งแวดล้อมที่เอื้ออำนวยให้ให้กับธุรกิจที่คุณจะซื้อไหม (เริ่มจากสิ่งแวดล้อมก่อน PESTEL Model)
7 ถ้าไม่มีอะไรสนับสนุนเลย ในส่วนของบริษัทเองมีนโยบายกระตุ้นยอดขาย หรือบริหารค่าใช้จ่ายอย่างไร (แนะนำให้ดู Op Day)
8 ประเมินความเป็นไปได้จาก ทั้งส่วนของสิ่งแวดล้อมที่เอื้ออำนวย และนโยบายของบริษัท รวมถึงความน่าเชื่อถือของผู้บริหาร
9 เราอยากให้ประเมินออกมา 3 Scenario คร่าวๆคือ Best Case / Normal Case / Worst Cast ... เผื่อมีการเปลี่ยนแปลง

ในส่วนสุดท้ายจะเป็นในส่วนของ งบดุล(ว่าด้วยสินทรัพย์และหนี้สินของบริษัท) และ งบกระแสเงินสด (ว่าด้วยพพฤติกรรมการใช้เงิน)
10 โอเคเมื่อเราคาดการณ์แล้วว่าบริษัทน่าจะกำไร แต่ถ้าบริษัทมีกำไร แต่มีหนี้สินเยอะแน่นอนว่าบริษัทก็ต้องเอากำไรไปใช้หนี้
11 จะใช้หนี้ได้ และใช้จ่ายอย่างอื่นได้ก็จะต้อง สามารถเก็บเงินสดมาจากลูกค้าได้ก่อน เพราะฉะนั้น 2 ข้อนี้ เป็นส่วนที่ขาดไม่ได้
12 สมมติว่าทุกอย่างดูโอเค คำถามต่อไปคือราคาเหมาะสมไหมที่จะซื้อ คำตอบคือคุณต้องประเมินมูลค่าหุ้นคร่าวๆให้เป็นก่อน
14 ถ้าในกรณีที่นักวิเคราะห์ทำบทวิเคราะห์ออกมา คุณก็พอที่จะหาอ่านได้ แต่ถ้าไม่มีนักวิเคราะห์ จะทำอย่างไรเล่า อันนี้ขออุบไว้ก่อน
15 นอกจากนี้คุณยังต้องคิดอีกว่าวิธีการวิเคราะห์หุ้นของนักวิเคราะห์หุ้น เหมาะสมไหม มีเหตุผลไหม น่าจะเป็นไปได้ไหม

แนวทางของ Fundamental Analysis ก็มีประมาณนี้ เดี๋ยวจะโพสต์หนังสือที่สมควรอ่านไว้ให้ทีหลัง เริ่มจะหมดแรงเขียนละ กิกิ
สิ่งที่คุณสมควรรู้มากกว่านี้คือ Financial Ratios ต่างๆ ที่อย่างน้อยถึงแม้ว่าคุณจะประเมินมูลค่าไม่ได้ ก็ยังพอที่จะดูคุณภาพบริษัทได้

แนวทางการลงทุนแบบ Technical Analysis

ตามหลักการของการวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิค จริงๆมีหลายเว็ปมากที่สอนเกี่ยวกับหัวข้อนี้ฟรีด้วย แต่มีเว็ปดีจริงๆอยู่ไม่กี่เว็ป
ปัญหาส่วนมากที่เจอคือ การเป็น Mano Investor นักลงทุนมือใหม่บางคนดูไม่รู้ด้วยซ้ำว่าราคากำลังลง ทั้งๆที่เห็นกราฟอยู่ตรงหน้า
ได้แต่บ่นๆว่าๆนักวิเคราะห์ หรือมาร์เก็ตติ้งคนนั้นคนนี้บอกว่าน่าจะขึ้น แต่สิ่งที่กลับลืมคิดคือตลาดมันไม่ได้สนใจหรอกว่าคุณคิดอย่างไร 
ทั้งนี้สิ่งที่นักลงทุนมือใหม่สมควรรู้ในที่นี้ จะกล่าวถึงเฉพาะในส่วนของ Technical Analysis ไม่เกี่ยวข้องกับ Systematic Analysis เน้อ

1 Time Frame - โดยส่วนมากแล้วแนะนำให้ดูกราฟ Day และ Week เป็นหลักในกรณีที่เป็นหุ้น เพราะจะมี Noises น้อยกว่ารายนาที
2 Dow Theory - ทฤษฎีการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น ซึ่งจะช่วยให้คุณทำความเข้าใจ การทำงานของเครื่องมืออื่นๆ ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
3 Trend - Up Trend / Down Trend / Side Way + Up or Down / Support & Resistance ช่วยเข้าใจศัพท์ 6-7 คำนี้กันหน่อยนะ
4 Highest High & Lowest Low - มันคือ "ราคา High ที่สูงที่สุด" และ "ราคา Low ที่ต่ำที่สุด" ในรอบระยะเวลาที่คุณเห็นหรือกำหนด
ว่าง่ายๆ ในส่วนนี้เป็นส่วนของคำศัพท์ และคำจำกัดความที่คุณสมควรจะเข้าใจมันให้เป๊ะๆ จะได้มองแล้วไม่คลาดเคลื่อนจากคนหมู่มาก

5 Candle Sticks - อันนี้ไม่ซีเรียสนะ แต่รู้ไว้ก็ดีว่าแต่ละแบบมันมีความแตกต่างกันอย่างไร เกิดจากแรงซื้อหรือแรงขายที่ต่างกันอย่างไร
6 Peak and Trough - จุดต่ำสุด และจุดสูงสุด ที่มีไว้สำหรับการมองรูปแบบของ Price Patterns และการตี Trend Lines
7 Price Patterns - เกิดจากมองรูปแบบความต่อเนื่องของราคา ซึ่งแต่ละรูปแบบจะมี ทิศทาง ความชัน และระยะเวลาที่แตกต่างกัน
9 Trend Line - เวลาตี Trend Line ช่วยกรุณาคิดนิดนึงว่าคุณสนใจอดีตล่าสุด มากกว่า อดีตที่ผ่านมานานมากๆ แล้วจะได้ไม่ผิดโลจิก
10 Period - คือช่วงระยะเวลาในการนำข้อมูลมาคำนวณ ของ Indicators & Oscillators ซึ่งแต่ละตัวใช้ Periods ที่แตกต่างกัน
11 Indicators & Oscillators - อย่างแรกขอให้แยกให้ออกก่อนว่ามันต่างกันอย่างไร แล้วหลังจากนั้นถ้าเข้าใจสูตรคำนวณได้จะดีมาก
12 How to use Indicators & Oscillators - เมื่อรู้ความแตกต่างแล้ว คุณสมควรรู้ว่าแต่ละตัวใช้อย่างไร และมีจุดอ่อนจุดแข็งอะไรบ้าง

เครื่องหมายแสดงการไม่ได้รับสิทธิต่างๆ

เครื่องหมายที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ แสดงไว้บนหลักทรัพย์เป็นระยะเวลาล่วงหน้า 3 วันทำการก่อนวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหลักทรัพย์
ในกรณีตราสารทุน และล่วงหน้า 2 วันทำการก่อนวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหลักทรัพย์ ในกรณีตราสารหนี้ เมื่อตลาดหลักทรัพย์ฯ
ติดเครื่องหมายประเภทดังกล่าวไว้บนหลักทรัพย์ใด หมายความว่า ราคาที่เสนอซื้อหรือขายหลักทรัพย์ในช่วงระยะเวลาที่ขึ้นเครื่องหมายนั้น
เป็นราคาที่ไม่รวมถึงสิทธิประโยชน์ที่บริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ให้หรือจะให้แก่ผู้ถือหลักทรัพย์นั้น และ ผู้ซื้อหลักทรัพย์นี้จะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์
ประเภทที่ระบุจากการปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นที่กำลังจะเกิดขึ้น ดังนี้

XD (Excluding Dividend) : ผู้ซื้อหลักทรัพย์ไม่ได้สิทธิรับเงินปันผล
XR (Excluding Right) : ผู้ซื้อหลักทรัพย์ไม่ได้สิทธิจองซื้อหุ้นออกใหม่
XW (Excluding Warrant) : ผู้ซื้อหลักทรัพย์ไม่ได้สิทธิรับใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหลักทรัพย์
XS (Excluding Short-term Warrant) : ผู้ซื้อหลักทรัพย์ไม่ได้สิทธิรับใบสำคัญแสดงสิทธิในการจองซื้อหลักทรัพย์ระยะสั้น
XT (Excluding Transferable Subscription Right) : ผู้ซื้อหลักทรัพย์ไม่ได้สิทธิรับใบสำคัญแสดงสิทธิในการซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่ โอนสิทธิได้
XI (Excluding Interest) : ผู้ซื้อหลักทรัพย์ไม่ได้สิทธิรับดอกเบี้ย
XP (Excluding Principal) : ผู้ซื้อหลักทรัพย์ไม่ได้สิทธิรับเงินต้นที่บริษัทประกาศจ่ายคืนในคราวนั้น
XA (Excluding All) : ผู้ซื้อหลักทรัพย์ไม่ได้สิทธิทุกประเภทที่บริษัทประกาศให้ในคราวนั้น

http://upic.me/i/eq/1422394478-o.png


ID=2733,MSG=3553
Re: กฏการซื้อขายหุ้น

Re: กฏการซื้อขายหุ้น

Link สำหรับคนอยากอ่านภาษาอังกฤษ http://www.tradeciety.com/most-important-thing-traders-say/

Steve from the New Trader University
- ตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวที่แท้จริงของราคา อย่าพยายามคาดการณ์
  งานของคุณคือจับตาดูแนวโน้มบนไทม์เฟรมของคุณ

Mr. Breakout  from Sharp Traders
- เทรดบนสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ไม่ใช่เทรดบนสิ่งที่คุณกำลังคิดว่ามันจะเกิดขึ้น
  ตลาดไม่ได้สนใจในสิ่งที่คุณคิด ไม่จำเป็นที่จะต้องพยายามและค้นหาถึงสาเหตุของหลายๆสิ่ง

Michael Lamothe from Chart Your Trade
- ความรู้สึกของความหวัง ความกลัว ความโลภ ในการเทรดจริง ช่วยให้เราเข้าใจความเป็เรามากขึ้น
  และเมื่อเราเข้าใจว่าเราเป็นอย่างไร เราจะสามารถค้นหาระบบ กลยุทธ์ และ เทคนิคที่เวิร์คสำหรับเรา

The UK Trendfollower from The TrendFollower
- การเรียนรู้วิธีการควบคุมความเสี่ยงที่ดี จะช่วยให้คุณสามารถผิดพลาดได้หลายครั้งและยังคงเทรดต่อไปได้
  อย่าบันทึกเพียงแค่ตัวเลขมาตรวัดธรรมดาในบันทึกการเทรดของคุณ แต่ควรบันทึก อารมณ์ ความคิด และอื่นๆ
  ในขณะที่คุณรับมือกับการขึ้นและลงของการเทรดของคุณด้วย เพราะมันจะช่วยให้คุณเรียนรู้หลากหลายอย่างจากสิ่งนั้น
  (discipline, sticking to your rules, risk etc).

Henri Simoes from Trading Cards
- “Forget fancy indicators and sophisticated technical tools. Just FOCUS on what is WORKING in the market
  you are trading RIGHT NOW.” ... (คงไม่ต้องแปลเน๊อะ อย่ายึดติดกับเครื่องมือที่ดูเหมือนจะไม่ธรรมดา อย่าพยายาม
  หา Holy Grail ให้ตายเถอะ หากันจัง)

Options IQ Trading  from OptionsTradingIQ.com
- หาพี่เลี้ยงหรือที่ปรึกษาสักคน หรือหาใครสักคนที่สามารถบรรลุผลในแบบที่คุณต้องการจะเห็นและ pick their brain
  (อืม ... ของไทยหายากพอสมควร ของเก้ก็เยอะ ของแท้ก็เล่นตัวน่าดู 555+)

Assad Tannous
-  never average down on a losing position อย่าถัวขาลง !!!

H. Avni Kefeli – @sidabumi
- ตลาดยุติธรรมต่อทั้ง พอร์ทเล็กและพอร์ทใหญ่ (จริงดิ คงใช่เพราะตลาด ไม่ใช่มาร์เก็ตติ้ง 555+)
  ถึงแม้ว่าคุณจะมีเพียงแค่พอร์ทเล็กๆ คุณก็ยังมีโอกาสที่จะทำเงิน จาก (อ่านดีๆนะ)
  Proper money management และ Position Sizing Strategy !!! 2 อย่างนี้ทำให้ตลาดยุติธรรมสำหรับทุกๆคน

Tobias Volland
- เมื่อมองกลับไปผมอยากที่จะมี ที่ปรึกษาการเทรด (trading mentor) ผู้ที่จะสามารถเน้นย้ำถึงความสำคัญ
  ของ (อ่านดีๆนะ) ความเสี่ยง และ การบริหารเงินทุน รวมถึง เครื่องมือที่ทำให้บรรลุถึงความรู้ในการเทรดของผม

Robert Sweetman
- คุณไม่สามารถเรียนรู้ที่จะเทรดจากหนังสือที่เกี่ยวกับมัน มีแต่การฝึกฝนจากสถานการณ์จริงเท่านั้นที่จะช่วยพัฒนาคุณได้

Rolf from Tradeciety
- ผมหวังว่า ผมจะรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่าง Risk & Reward และ อัตราการชนะ ด้วย Math and statistics ซึ่งจะช่วย
  ให้คุณรู้ว่าคุณควรจะปรับเปลี่ยน"ตรงไหน" และ "อย่างไร" ในวิธีการเทรดของคุณ และเมื่อนั้นคุณจะสามารถสร้างระบบเทรด
  ที่เหมือนเสื้อผ้าสั่งตัดสำหรับคุณได้ step by step



************ ขออนุญาติจัดเรียงให้นิดหน่อย สำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ ************

- สิ่งที่สมควรหาคือ หนังสือที่ดี โค้ชที่ดี Good Book & Good Mentor
  เหตุเพราะหนังสือช่วยเราได้ โดยเฉพาะเรื่อง Math & Stats ส่วน Mentor ที่ดีหายากพอสมควร

- สิ่งที่จะต้องเรียนรู้เป็นอย่างแรกๆ สำหรับเทรดเดอร์คือ Risk Control & Money Management
  เพราะว่าต่อให้คุณมีอินดิเคเตอร์เทพ หรือ มีมาร์เก็ตติ้งเป็นวอเร็นต์บัฟเฟต ถ้าตังคุณหมดคุณก็จบอยู่ดี (ยกเว้นขอตังแม่ใหม่)

- สิ่งถัดไปที่คุณต้องเข้าใจหรือตั้ง Mind Set คือ ตลาดคือตลาด อย่าพยายามคาดเดาความคิดของคนจำนวนมาก
  หรืออย่าพยายามคิดว่ามันจะเป็นอย่างที่คุณคิด ... เพราะตลาดมันไม่สนใจหรอกว่าคุณจะคิดยังไง (ยกเว้นคุณจะเป็น Influencer)

- สิ่งที่คุณจะคิดถึงถัดไปคือเครื่องมือในการเทรด ... Fancy Indicator อันตรายมากถ้าคุณไม่เข้าใจที่ไปที่มาของมัน
  ในขณะเดียวก็ไม่แนะนำให้หา Holy Grail เพราะไม่มีอินดิเคเตอร์ใด แม่นยำ 100% ... แนะนำให้ทำความเข้าใจ
  ที่มาที่ไป หรือสูตรคำนวนของ Indicators ทั่วไปนี่แหละ พอคุณเข้าใจแล้ว คุณจะเข้าใจวิธีการใช้ วิธีการ adapt และ
  อาจจะครีเอทอินดิเคเตอร์ใหม่เองได้ โดยอัตโนมัติ เพราะมองเห็นความไม่เมคเซนท์บางอย่างของมัน คริคริ

- สิ่งสุดท้ายเมื่อคุณเริ่มเทรดจริง คุณจำเป็นที่จะต้องจดบันทึกหลายๆอย่าง ทั้งในส่วนของ Method และ Emotion เพื่อหาจุดอ่อน
  หรือข้อบกพร่องแล้วนำไปหาวิธีการแก้ไข เพราะถ้าคุณไม่สามารถปรับระบบให้มันถูกจริตกับคุณได้ สุดท้ายคุณจะหยุดเทรด
  ถึงแม้ว่าระบบนั้นๆ จะดีแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าใจคุณรับอารมณ์หน้างานไม่ได้ ทุกอย่างจบ

http://upic.me/i/8o/1421533817-1091784315-o.jpg


ID=2733,MSG=3554
Re: กฏการซื้อขายหุ้น

Re: กฏการซื้อขายหุ้น

กลุ่มน้ำมัน เมอยากให้เล่น pttgc หรือไม่ก็ top มากกว่า pttep นะคะ ตลาดแกว่งแบบนี้ เมอยากให้ลงตัวที่พื้นฐานดี อนาคตดีมากกว่า หุ้นที่ขึ้นเพราะต่างชาติเอามาเก็งกำไร เพราะ เวลาที่หุ้นพวกนี้ลง เราจะออกไม่ทัน กลายเป็นติดดอยนะคะ เสี่ยง ได้ไม่คุ้มเสีย ไม่แนะนำค่ะ


ID=2733,MSG=3575
Re: กฏการซื้อขายหุ้น

Re: กฏการซื้อขายหุ้น

http://www.sornhoon.com/sornhoon.aspx

http://wizard-kids2m.blogspot.com/2011/08/stop-loss-trailing-stop.html


ID=2733,MSG=3581
Re: กฏการซื้อขายหุ้น

Re: กฏการซื้อขายหุ้น

แนะนำให้ทำ ขึ้นขาย ลงซื้อ  ทำครั้งละ 10% ของจำนวนหุ้นเดิม  ต้นทุนคุณจะค่อยๆลดลง  ให้ดูราคาตลาด ณ

ขณะนั้น  ขึ้น สองบาท ขาย  ลงสองบาทซื้อ หรือขยันหน่อยก็ทำทีละ 5% ขึ้นหนึ่งบาทขาย  ลงหนึ่งบาทซื้อ 

จำนวนหุ้นคุณอาจลดลงหรือเพิ่มขึ้นนิดหน่อย  แต่ต้นทุนรวมคุณจะลดลง
ทั้งนี้คุณสามารถปรับได้ตามความเหมาะสม  อย่างผม ขึ้นหนึ่งบาทขาย  ลงหนึ่งบาทห้าสิบสตางค์ซื้อ

มีค่าคอมขั้นต่ำ 50 บาทรึเปล่าอะครับ (อาจไม่คุ้มคอม)

1 การถัวในรอบต่ำก่อนเทรนจะกลับตัวและแบ่งขายทำกำไรไปเรื่อยๆในไม้ล่างที่ซื้อถัว
เช่นไม้บนคุณ 170 บาท 500 หุ้น
คุณซื้อถัว 42 บาท 1000หุ้น เก็บทุนที่ถัวไว้ 1000 หุ้นในราคา106 บาท ไว้ก่อน
และขายทำกำไรไม้ล่างครึ่งหนึ่ง 500 หุ้นไปก่อนที่ราคาตอนนี้ แถว 58 บาทไปก่อน

และไปรอซื้อตอนมันตกหนักๆอีกครั้ง ก่อนจะทำซ้ำแบบเดิม ตอนเทรนขึ้นไปเรื่อยๆ
และเมื่อกำไรไม้ล่างได้พอที่จะทำให้หุ้นที่เหลือไม่ขาดทุนมากแล้วหรือหักลบแล้วพอรับได้
ก็ค่อยขายคัทหุ้นที่เหลือออกมาได้ วิธีนี้อาจต้องดูกราฟหนักๆ
และถือว่าดีกว่าปล่อยไปเรื่อยๆโดยไม่ทำอะไรเลยอีกแบบ


ID=2733,MSG=3582
Re: กฏการซื้อขายหุ้น

Re: กฏการซื้อขายหุ้น

ก่อนการเล่นต้องวางแผนจุดเข้าออกกันด้วย
ถ้าหลุดแนวรับกี่ช่อง เราต้องทำการcut loss
แอดมินไม่บอกจุดคัท เพราะอยากให้นักลงทุนฝึกฝนด้วยตัวเอง จะทำให้เรามีวินัยในการลงทุน


ID=2733,MSG=3606
Re: กฏการซื้อขายหุ้น

Re: กฏการซื้อขายหุ้น


มี
100 x1000 100,000

ราคาตลาด50
ขายหมดได้เงิน 50,000

ซื้อ 50x1000 = 50,000

1. วิ่งไป 60 = กำไร 10,000
2. วิ่่งไป 100 = กำไร 50,000

มันคือ การตัดขาดทุนนั้นเอง แต่ทำช้าไป เพราะเราคววรทำก่อนหน้านั้น
แต่วิธีนี้จำทำให้ได้เงินมา 50,000 เป็นทุน ไปลงกับหุ้นตัวอื่น หรือ ตัวเดิมที่มีสามารถไเล่นไปเรื่อยๆได้ ดีกว่าแช่ไว้


ID=2733,MSG=3607
Re: กฏการซื้อขายหุ้น

Re: กฏการซื้อขายหุ้น

http://upic.me/i/zq/o5u4mkslj929zitcs2f-o.jpg

ถ้าซื้อหุ้น แล้วขายขาดทุน 30% (ช่องซ้าย) ถ้าจะซื้อครั้งใหม่ แล้วขายเอากำไรเพื่อให้เงินต้นกลับมาเท่าเดิม ต้องได้กำไร 43% (ช่องขวา)

บางคนเข้าใจว่า เอาน่าลบไป 30% เดี๋ยวซื้อใหม่ (ตัวเก่าหรือใหม่ก็ได้) พอบวกมา 30% ก็เท่าเดิมแล้ว ซึ่งไม่จริง

100 - 30% = 100 - 30 = 70
70 + 30% = 70 + 21 = 91 ยังไม่กลับไปที่ 100

100 - 30% = 100 - 30 = 70
70 + 43% = 70 + 30.1 = 100.1 กลับมาที่ 100 แล้ว

จะเห็นว่า บรรทัดบนคือ 1% กับ 1.01% ดูไม่ห่างมาก
แต่ช่องมันจะห่างขึ้นเรื่อยๆ
ยิ่งขาดทุนมาก ยิ่งต้องกำไรมากๆ เงินถึงจะกลับมาเท่าเดิมก่อนเสียไป


ID=2733,MSG=3752
Re: กฏการซื้อขายหุ้น

Re: กฏการซื้อขายหุ้น

การถัวคือการลงทุน "ใหม่" นะครับ มันทำได้แค่ให้เราเครียดน้อยลงเพราะว่าหุ้นที่เราติดอยู่เดิมต้นทุนลดลงแค่นั้นเอง แต่ในแง่ของกระแสเงินสดคือมันไม่เกี่ยวกับตัวเดิมที่เราติดอยู่เลย อย่าไปถัวหุ้นเน่าเชียวนะครับ ไม่งั้นจะต้องเครียดกว่าเดิมแน่

ถ้าคุณคิดว่าในตลาดตอนนี้หุ้นร้อยกว่าตัว SSI น่าลงทุนที่สุดแล้ว แบบนี้ถึงจะถัวครับ แต่ถ้าไม่ใช่ มีตัวอื่นน่าลงทุนมากกว่า คุณต้องเอาเงินไปลงทุนตัวที่น่าลงทุนที่สุดครับ ไม่ใช่เอาไปถัว

การถัวใช้สำหรับหุ้นพื้นฐานดี ที่ราคาตกแบบไม่มีเหตุผล อาจจะราคาตกเพราะลงตามตลาดหรือเพราะมีข่าวอะไรซักอย่างแต่พื้นฐานบริษัทยังดีอยู่ไม่ได้เปลี่ยนแปลง แบบนี้ถึงจะต้องถัวครับ


ID=2733,MSG=3991


⭐️ เราให้คำแนะนำปรึกษา รักษาผลประโยชน์ให้ลูกค้า ของเรา
⭐️ เราอยู่เคียงข้างลูกค้าของเรา ช่วยเหลือ ดูแลบริการ
⭐️ เรารองรับช่องทางติดต่อมากมาย สะดวก เข้าถึงง่าย
⭐️ เราดำเนินธุรกิจยาวนานกว่า20 ปี คุณจึงมั่นใจได้
⭐️ คุณมีสามารถรับบริการทั้งจากบริษัทประกันเจ้าของสินค้า และ เรา (ตัวกลาง)

ไทย มีราว 80 บริษัทประกันภัย สินค้าที่แตกต่าง ทั้ง เงื่อนไข ราคา เคลม ความมั่นคง นโยบาย ฯลฯ
ขายผ่านตัวกลาง กว่า 500,000 ราย : ตัวแทน นายหน้า ธนาคาร บิ๊กซี โลตัส ค่ายรถยนต์ เฮ้าส์แบรนด์ ของประกันภัย หรือ ซื้อตรงกับบริษัทเจ้าของสินค้า
⭐️ ตัวอย่าง การบริการ กดดูที่ลิงค์นี้

"สิ่งที่ต้องคำนึงอันดับแรกในการซื้อประกัน คือ ตัวกลางประกันภัย ซึ่งจะเป็นที่ปรึกษา ช่วยเหลือ ดูแลเรา ตลอดอายุกรมธรรม์"

โปรดรอ

display:inline-block; position:relative;
โทร.(จ-ศ : 9-16) เว้นวันหยุดฯ , ลูกค้าเรา บริการ 24/7/365 , Monday เวลา 11:11:01am ซื้อประกัน 085-911-3737
Copyright © 2018 Cymiz.com., All rights reserved.นโยบาย,ข้อตกลงcymiz.com