การประกันชีวิต

การประกันชีวิต

การตัดสินที่จะเลือกรับความคุ้มครองจากกรมธรรม์ประกันชีวิต
จะต้องพิจารณาจากอะไรบ้าง?
การประกันชีวิตเกี่ยวข้องกับการจัดสัดส่วนการลงทุนของเราอย่างไร?

1. ความสามารถในการ การชำระเบี้ยประกันเท่าไร ต่อเดือน, ต่อปี
2. การบริหารหรือจัดการเงินที่เหลือเก็บให้เกิดประโยชน์สูงสุด

การจัดสัดส่วนการลงทุนก็ขึ้นอยู่กับการรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้มากน้อยแตกต่างกันของเเต่ละบุคคล
ความเสี่ยงสูง ผลตอบแทนย่อมสูง เช่น การซื้อ - ขายหุ้น
ความเสี่ยยงต่ำ ผลตอบแทนต่ำ เช่น การฝากธนาคาร ออมทรัพย์
ผู้ที่สุขภาพไม่ดี จะลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำและมีสภาพคล่องสูง เผื่อไม่สบายหรือเจ็บป่วยจะได้สามารถนำเงินมาชำระค่ารักษาพยาบาลได้อย่างทันท่วงที

ปัจจุบันนี้ยังมีผลิตภัณฑ์ทางการเงินอีกประเภทหนึ่งที่สามารถชดเชยค่ารักษาพยาบาลแทนเราได้โดยไม่กระทบกับสัดส่วนการลงทุนของตัวเองหรือกระทบกับสัดส่วนการ
ลงทุนน้อยที่สุด บางคนกล่าวว่าเป็นการรักษาความมั่งคั่งของการบริหารการเงินที่ฉลาดอีกวิธีหนึ่ง
ผลิตภัณฑ์ทางการเงินนั้นคือ การประกันสุขภาพ ซึ่งเป็นความคุ้มครองส่วนหนึ่งของการประกันชีวิต
และนอกจากเรื่องการเจ็บป่วยแล้วที่กล่าวข้างต้นแล้ว ผลิตภัณฑ์การประกันชีวิต ยังมีความคุ้มครองที่ครอบคลุมถึง ความคุ้มครองกรณีทุพพลภาพ (พิการ) แน่นอนว่าไม่มีใครคิดว่าตนเองจะต้องประสบภาวะทุพพลภาพ แต่ใครจะกล้ารับประกันได้ว่าจะไม่มีวันเกิดขึ้น ฉะนั้น การรู้จักวางแผนเตรียมรับมือความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้น จึงถือเป็นความไม่ประมาทและเป็น
ความฉลาดที่สามารถควบคุมความไม่แน่นอนให้อยู่ในมือของนักบริหารจัดการเงินออมเช่นคุณได้

การประกันชีวิตเป็นเครื่องมือทางการเงินอย่างหนึ่ง ที่จะช่วยบรรเทา, ลดภาระทางการเงิน หากเกิดเหตุที่ไม่คาดฝันขึ้นกับร่างกายได้ เช่น การได้รับการชดเชยค่ารักษาพยาบาลกรณีต้องเข้ารับการรักษาในฐานะผู้ป่วยใน ซึ่งเป็นผลจากการประสบอุบัติเหตุ แน่นอนว่าค่ารักษาพยาบาลโดยส่วนใหญ่เป็นจำนวนเงินที่สูงมาก ซึ่งมีผลให้กระทบต่อภาวะ
เศรษฐกิจของครอบครัวได้ ในบางครอบครัวอาจถึงขั้นประสบวิกฤตทางการเงินเลยที่เดียว เพราะนอกจากค่ารักษาพยาบาลที่เป็นจำนวนมากแล้ว อาจมีผลให้ผู้ประสบเหตุซึ่งเป็นผู้มีรายได้หลักของครอบครัวไม่สามารถประกอบอาชีพปัจจุบันได้ ดังนั้น หากมีเครื่องมือทางการเงินใดในปัจจุบันที่สามารถแก้ปัญหาส่วนนี้ได้คงจะดีไม่น้อย

ความคุ้มครองจากประกันชีวิตประกอบไปด้วย 2 ส่วนหลักคือ
  1. ความคุ้มครองหลัก และ
  2. ความคุ้มครองเพิ่มเติม ซึ่งประกอบไปด้วย ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลดังตัวอย่างข้างต้น นอกจากนี้ ยังมีความคุ้มครองกรณีทุพพลภาพสิ้นเชิงถาวร (ภาษาชาวบ้านเรียกว่า พิการ) ความคุ้มครองชดเชยรายได้   ความคุ้มครองจากโรคร้ายแรง เป็นต้น ท่านสามารถขอรับความคุ้มครองเพิ่มหลังจากที่ท่านได้รับ  ความคุ้มครองจากความคุ้มครองหลักแล้ว

ประเภทความคุ้มครองหลัก แบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ

  1. ความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตเพียงอย่างเดียว และ
  2. ความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตและสะสมเงินออมไปในคราวเดียวกัน

ความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตเพียงอย่างเดียว แยกย่อยได้อีกเป็น 2 กลุ่ม คือ

1. ความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตเนื่องจากอุบัติเหตุ จุดเด่นก็คือ เป็นความคุ้มครองที่มีระยะเวลาคุ้มครอง
     เพียงปีเดียวเท่านั้น ซึ่งในบางบริษัทในแผนความคุ้มครองดังกล่าวยังมีค่าชดเชยค่ารักษาพยาบาลอีก ด้วย (แต่เนื่องจากอยู่ภายใต้แผนความคุ้มครองอุบัติเหตุ จึงทำให้การชดเชยค่ารักษาพยาบาลจึงต้องมีเงื่อนไข   ว่าเป็นสาเหตุจากอุบัติเหตุเท่านั้น)
2. ความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตทุกกรณี จุดเด่นคือ เป็นความคุ้มครองที่มากกว่า 1 ปี แบ่ง2 ประเภทคือ

* ความคุ้มครองแบบจำกัดระยะเวลา เป็นความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตเพียงอย่างเดียว เพราะหาก   ครบกำหนดระยะเวลา ก็สิ้นสุดความคุ้มครองทันทีและกรมธรรม์ประกันชีวิตก็สิ้นสุดลงด้วยเช่นกัน  (เหมือนประกันรถยนต์ ประกันบ้าน เมื่อครบกำหนดความคุ้มครองก็ไม่มีเงินคืน) แต่ถ้าหากเกิดเหตุอันมีผลให้ต้องเสียชีวิต บริษัทก็จะชดเชยเป็นเงินก้อนโตเลยทีเดียว และโดยส่วนใหญ่จะเป็นจำนวนเงินหลายเท่าของเงินที่ได้ชำระเบี้ยประกันภัยไป ซึ่งระยะเวลาความคุ้มครองท่านสามารถเลือกได้ตามความเหมาะสม เช่น 10 ปี 15 ปี หรือ 20 ปี

* ความคุ้มครองแบบตลอดชีพ เป็นความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตเพียงอย่างเดียวเช่นเดียวกันกับ ความคุ้มครองแบบจำกัดระยะเวลา แต่ต่างกันที่ระยะเวลาคุ้มครองจะยาวนานกว่า เช่น บางบริษัท ให้ความคุ้มครองจนถึงอายุ 90 ปี  หรือบางที่ให้ความคุ้มครองจนถึงอายุ 99 ปีก็มี เหมือนกับให้ความคุ้มครองตลอดชีพจริง ๆ แต่หลายคนคงสงสัยว่าต้องชำระเบี้ยฯ ยาวนาน เหมือนกันหรือไม่ อันนี้ขึ้นกับแต่ละบริษัท บางบริษัทอาจมีระยะชำระเบี้ยฯ สั้นเพียง 5 ปี หรือมี ทางเลือกในการเลือกระยะชำระเบี้ยฯ เป็นระยะ 10 ปี หรือ 15 ปี ก็มี

ความคุ้มครองดังกล่าว เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดภาระทางการเงินให้กับผู้ที่เป็นที่รัก หรือครอบครัว   หากตัวเองต้องประสบเหตุจนต้องเสียชีวิต

ความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตและสะสมเงินออมไปในคราวเดียวกัน แบ่ง 2 กลุ่มย่อย ดังนี้
1. เป้าหมายของแผนเพื่อตัวเองเป็นสำคัญ ซึ่งผมอยากจะแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ

* แผนความคุ้มครองที่เน้นการออมและผลตอบแทนเป็นสำคัญ ซึ่งหากพิจารณาการจัดสัดส่วน     การลงทุนของแต่ละท่าน ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น แผนความคุ้มครองนี้จะอยู่ในกลุ่มที่ให้ผล  ตอบแทนปานกลาง แต่มีความเสี่ยงต่ำ

* แผนสะสมเงินออมไว้ใช้ในยามเกษียน  เป็นแผนการออมเงินอีกประเภทหนึ่ง      ที่เป็นสะสมเงินออมในวันนี้ เพื่อวันข้างหน้า อย่างน้อยก็ไม่ต้องเป็นภาระแก่ลูกหลานเมื่อถึงวัย    ที่ต้องเกษียณตัวเองออกจากงาน และนอกจากจะเป็นการสะสมเงินออมพร้อมกับได้รับ     ผลตอบแทนจากการออมมีเงินไว้ใช้ในยามเกษียณแล้วยังคงได้รับความคุ้มครองกรณีเสียชีวิต ตลอดอายุสัญญาหรือตลอดความคุ้มครองอีกด้วย

2. เป้าหมายของแผนเพื่อสะสมเงินออมให้แก่บุตรหลาน หรือแผนทุนการศึกษา ซึ่งการออมประเภทนี้เป็น การสะสมเงินออมที่มีอยู่ปัจจุบันส่วนหนึ่ง เก็บเป็นทุนการศึกษาให้แก่บุตรหลานในอนาคตตามแผนวัตถุ  ประสงค์ของความคุ้มครองแต่ละแผน เช่น แผนเงินออมเพื่อเป็นทุนการศึกษาแก่บุตรในระดับปริญญาตรี

ปัญหาผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาวะทางเศรษฐกิจ เช่น การปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยไม่ว่าจะเป็นไปในทางเพิ่มขึ้น หรือลดลง ราคาน้ำมันมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น มีการ
ระบาดจากไข้หวัดนก การส่งออกมีปัญหา เกิดสภาวะเงินเฟ้อ เป็นต้น ทำให้ท่านต้องคอยปรับเปลี่ยนสัดส่วนการลงทุนอยู่เสมอเพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นผลให้ไม่สะดวกและเป็นปัญหาต่อผู้ที่ไม่สามารถปรับเปลี่ยนแผนการลงทุนได้ทันเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อผลขาดทุนบ้าง การไม่สามารถนำเงินมาใช้ได้บ้างแต่แผนทางการเงินที่ท่านได้รับความคุ้มครองจากกรมธรรม์ไปแล้วจะยังคงเป็นไปตามความคุ้มครองไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะมีผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงต่อสภาวะเศรษฐกิจอย่างไร

จากประเภทแผนความคุ้มครองดังกล่าวข้างต้น บางแผนความคุ้มครองอาจนำความคุ้มครองหลายประเภทมาผสมเข้าด้วยกัน เป็นแผนให้ความคุ้มครองทั้งกรณีเสียชีวิต และออมเงินไปพร้อม ๆ กัน และยังมีความคุ้มครองเพิ่มเติม เช่นความคุ้มครองกรณีทุพพลภาพ และโรคร้ายแรงอีกด้วย เพื่อให้ผู้เอาประกันภัยได้รับความคุ้มครองอย่างครบถ้วน

สิ่งสำคัญในการเลือกรับความคุ้มครองจากกรมธรรม์ คือ ต้องทราบวัตถุประสงค์ของการออมอย่างชัดเจน ซึ่งตัวแทนจะคอยสอบถามความต้องการของท่าน สิ่งสำคัญอันนึงของตัวแทนที่ดี คือการรับฟังความต้องการของลูกค้า แล้วนำความต้องการเหล่านั้น มาปรับเปลี่ยนเป็นความคุ้มครองที่เหมาะสมกับลูกค้า และการจัดสัดส่วนค่าใช้จ่ายสำหรับการชำระเบี้ยประกันภัยให้เหมาะสมกับเงิน ออมที่มีอยู่ และที่จะลืมไม่ได้เลยก็คือ ทุกครั้งหากมีการชำระเบี้ยประกันภัยให้กับตัวแทนประกันชีวิต จะต้องขอหลักฐานการชำระเบี้ยประกันภัย (ใบเสร็จรับเงินชั่วคราว) ทุกครั้ง เพื่อเป็นการยืนยันว่าท่านได้รับความคุ้มครองทันทีที่ได้รับจากชำระเบี้ยประกันภัยแล้ว อย่างไรก็ตาม การพิจารณาว่าเราจะได้รับความคุ้มครองหรือไม่จะได้รับการยืนยันจากบริษัทประกันชีวิตอีกครั้ง

หลังจากได้รับกรมธรรม์จากตัวแทนแล้ว ให้ตรวจสอบความถูกต้องของความคุ้มครองที่ต้องการให้ครบถ้วน ว่าเป็นความคุ้มครองที่ได้แจ้งความประสงค์แก่ตัวแทน
หรือไม่ จำนวนเงินถูกต้อง หากพบว่ามีส่วนหนึ่งส่วนใดไม่ถูกต้องสามารถแจ้งให้บริษัทเปลี่ยนแปลงกรมธรรม์ให้ถูกต้องได้ ภายใน 15 วัน

สิทธิประโยชน์ที่สำคัญมากที่ผู้ที่ได้รับความคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีเป็นต้นไป คือการสามารถนำเบี้ยประกันภัยมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ตาม ภงด. 90 และภงด. 91) ได้สูงสุดถึง 100,000 บาท

การได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเป็นอย่างไร
เช่น ลูกค้าท่านหนึ่ง รับความคุ้มครองตามบัญชีประกันชีวิต ชำระเบี้ยประกันภัยปีละ 100,000 บาท
โดยลูกค้าท่านนี้มีรายได้ที่ฐานภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่อัตราสุดท้าย 20%
หากลูกค้าท่านนี้นำใบเสร็จรับเงินจากการชำระเบี้ยประกันภัยไปหักลดหย่อนภาษี ลูกค้าท่านนี้จะได้รับเงินภาษีหัก ณ ที่จ่ายคืน หรือ เสียภาษีน้อยลง
เป็นจำนวนเงิน 20,000 บาท หรือคิดเป็น 20% ของเบี้ยประกันภัยที่ได้จ่ายไป
หากพิจารณาดูแล้วเปรียบเสมือนว่า ลูกค้าท่านนี้ได้รับผลตอบแทนจากเงินก้อนนี้ (ค่าเบี้ยประกันภัย 100,000 บาท)
ด้วยอัตราผลตอบแทน 20% ซึ่งหากพิจารณาผลตอบแทนการลงทุนในสภาวะปัจจุบัน คงจะเป็นไปได้ยากที่จะได้รับผลตอบแทนสูงถึง 20% และนอกจากนี้ ภายใต้ความคุ้มครอง บัญชีประกันชีวิตยังให้ผลตอบแทนกว่า 3% อีกด้วย (แล้วการคืนเงิน ของเเต่แบบประกัน)

นอกจากกรมธรรม์ประกันชีวิตก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ในการจัดสัดส่วนการลงทุน ของท่านได้ ยังเป็นเครื่องมือทางการเงินอีกประเภทหนึ่งที่จะช่วยลดภาระและปัญหาทางการ เงินที่อาจเกิดขึ้นอย่างที่ไม่คาดฝันขึ้นได้อย่างคุ้มค่า เพียงชำระเบี้ยประกันภัยเพิ่มขึ้นอีกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น


ID=265,MSG=284
ลูกค้าเราโทรได้ 24hr


⭐️ เราให้คำแนะนำปรึกษา รักษาผลประโยชน์ให้ลูกค้า ของเรา
⭐️ เราอยู่เคียงข้างลูกค้าของเรา ช่วยเหลือ ดูแลบริการ
⭐️ เรารองรับช่องทางติดต่อมากมาย สะดวก เข้าถึงง่าย
⭐️ เราดำเนินธุรกิจยาวนานกว่า20 ปี คุณจึงมั่นใจได้
⭐️ คุณมีสามารถรับบริการทั้งจากบริษัทประกันเจ้าของสินค้า และ เรา (ตัวกลาง)

ไทย มีราว 80 บริษัทประกันภัย สินค้าที่แตกต่าง ทั้ง เงื่อนไข ราคา เคลม ความมั่นคง นโยบาย ฯลฯ
ขายผ่านตัวกลาง กว่า 500,000 ราย : ตัวแทน นายหน้า ธนาคาร บิ๊กซี โลตัส ค่ายรถยนต์ เฮ้าส์แบรนด์ ของประกันภัย หรือ ซื้อตรงกับบริษัทเจ้าของสินค้า
⭐️ ตัวอย่าง การบริการ กดดูที่ลิงค์นี้

"สิ่งที่ต้องคำนึงอันดับแรกในการซื้อประกัน คือ ตัวกลางประกันภัย ซึ่งจะเป็นที่ปรึกษา ช่วยเหลือ ดูแลเรา ตลอดอายุกรมธรรม์"

โปรดรอ

display:inline-block; position:relative;
ลูกค้าเราโทรได้ 24hr



โทร.(จ-ศ : 9-16) เว้นวันหยุดฯ , ลูกค้าเรา บริการ 24/7/365 , Saturday เวลา 11:53:26am... กรุณาติดต่อ ช่องทางข้อความ
Copyright © 2018 Cymiz.com., All rights reserved.นโยบาย,ข้อตกลงcymiz.com