BLA

Tue Oct 02, 2012 5:16 pm
ข้อมูลเมื่อเดือนที่แล้วครับ

1. สาเหตุที่สำรองสูงในไตรมาสที่ผ่านมาเกิดจากเบี้ยต่ออายุ ไม่ใช่เบี้ยใหม่ เนื่องจากเบี้ยใหม่ตั้งสำรองแค่ 59% ตัวที่ดึงให้สำรองสูงคือเบี้ยปีต่อครับ เบี้ยปีต่อเหล่านี้เป็นผลมาจากเบี้ยออมทรัพย์แบบจ่ายสั้นในอดีต อาจจะใช้เวลาสักระยะจนกว่าเบี้ยต่อที่สำรองสูงเหล่านี้จะหมดไป ในครึ่งปีหลังก็คาดว่าจะยังคงตั้งสำรองสูงอยู่ อาจจะประมาณ 68% +/- ทำให้ยังคงเสียภาษีสูงอันเนื่องมาจากการตั้งสำรองที่สูง
2. ถึงแม้ตัวเลขเบี้ยใหม่ในครึ่งปีแรกที่ผ่านมาจะลดลงจากปีก่อน ปีก่อนมีเบี้ยใหม่จาก GF330 ที่ปั๊มเบี้ยได้เยอะเข้ามา 3 พันล้าน แต่ปีนี้เน้น wholelife ครึ่งปีที่ผ่านมาได้ 2 พันล้าน แต่จริงๆแล้วกำไรจากกรมธรรม์ที่ขายในปีนี้สูงกว่าปีก่อนแม้ว่าจะต้องเสีย ภาษีในสัดส่วนที่สูงขึ้นอันเนื่องมาจากการตั้งสำรองที่สูงเกิน หรือพูดง่ายๆก็คือ VNB จากการขาย wholelife เยอะในปีนี้มีมูลค่าสูงกว่า VNB ในปีก่อนที่เบี้ยใหม่สูงแต่เน้นออมทรัพย์ โดยเพิ่มขึ้นประมาณ 15%-20%
3. BLA ยอมรับว่าไม่มีความสามารถในการบังคับพนักงานธนาคารให้ขายประกันชีวิตมากเท่า กับบริษัทอื่นๆที่มีธนาคารเป็นพันธมิตร ทำให้กรมธรรม์ที่ออกขายของ BLA ผ่านทาง BBL นั้นส่วนใหญ่เป็นแบบชำระเบี้ยระยะสั้น และมีปัญหาเรื่องสำรอง
4. BLA มีนโยบายที่จะยอมสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดเพื่อแลกกับความมั่นคงและผลประโยชน์ ของบริษัทในระยะยาว เพราะ BLA ยังมีปัญหาเรื่องการเสียภาษีสูงจากการตั้งสำรองที่สูงอันเนื่องมา จากกรมธรรม์ที่ขายในปีก่อนๆ ทำให้ BLA ไม่สามารถรุกและเร่งขายกรมธรรม์ได้ แต่หากตัวเลขสำรองรวมลดลงแล้ว BLA ก็สามารถรุกขายกรมธรรม์ได้ (ปัจจุบัน BLA จงใจที่จะไม่เร่งขายประกันมากนัก เพราะประกันที่ขายง่ายนั้นมักจะมีภาระสำรองที่สูง หาก BLA ไม่มีปัญหาเรื่องสำรองแล้วก็สามารถเร่งขายกรมธรรม์ที่ขายง่ายเหล่านี้ได้)
5. ผู้บริหารมีความมั่นใจว่าครึ่งปีหลังน่าจะมียอดเบี้ยใหม่ที่โตขึ้นเมื่อ เทียบกับปีก่อน และทั้งปีน่าจะมียอดเบี้ยใหม่ที่เติบโตได้ ถึงแม้ว่าครึ่งปีแรกจะมียอดเบี้ยใหม่ที่ลดลงก็ตาม
6. ผลิตภัณฑ์ประกันภัยแบบตลอดชีพแบบจ่ายครั้งเดียวตัวนี้ ประกันสำรองไม่ได้ต่ำ และ ผู้บริหาร ไม่เคยบอกว่า ตัวนี้ต่ำ แต่พูดถึง เบี้ยใหม่ ซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 59% ซึ่งไม่ได้เกิดจาก ผลิตภัณฑ์ประกันภัยแบบตลอดชีพ ตัวนี้ตัวเดียว แต่เกิดจาก การขาย หลายๆตัว พ่วงไปด้วยกัน ซึ่งจะมีตัวที่คอยดึงลงอยู่ ทำให้ รวมๆกันแล้ว เฉลี่ยประมาณ 59%

Whole Life First มีข้อกำหนดให้ต้องตั้งสำรองจำนวนมาก แต่เป็นการตั้งครั้งเดียว
ดังนั้นกรมธรรม์ของ WLF เมื่อตั้งแล้วก่อให้เกิดกำไรในงวดต่อ ๆ ไป เพราะไม่ต้องตั้งสำรองอีกแล้ว
แต่ BLA ดูจะเสียเปรียบเมื่อเทียบกับ SCBLIF เพราะกรณีของ SCBLIF นั่นทาง SCB ถือหุ้นในสัดส่วนที่สูงมาก
จึงทำให้ SCB มีแรงจูงใจในการขายกรมธรรม์ผ่านธนาคารมากกว่า BLA ที่ทางธนาคารกรุงเทพฯถือหุ้นในสัดส่วนที่น้อยมาก
แม้ว่าจะมีผู้บริหารนามสกุลเดียวกันก็ตาม ทำให้แรงจูงในการขายจากทาง ธนาคารกรุงเทพฯ มีน้อย
อันนี้เป็นข้อเสียเปรียบ ก็ไม่รู้ว่า BLA จะแก้เกมตรงนี้ยังไง
P/E P/B ของ BLA ก็ยังค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับ SCBLIF ที่สูงมาก