The Green Ninth

The Green Ninth

ผมเองเป็นลูกค้ากลุ่มแรกๆ ของโครงการนี้ และก็เข้าอยู่เป็นกลุ่มแรกๆ ที่เปิดตึกด้วย
เห็นความเปลี่ยนแปลงมาตลอด ทั้งพัฒนาขึ้น และพัฒนาลง ..สรุปคือ เป็นโครงการที่ "ไม่เคยหยุดพัฒนาเลย" (ควรจะดีใจมั้ยเนี่ย)
ตั้งแต่ AQ เข้ามาเทคโครงการ หลายอย่างก็ดูดีขึ้นโดยเฉพาะสภาพแวดล้อม ที่ดูดีกว่าสมัยเจ้าของเก่าทำไว้เยอะ
แต่ทำไมกลับรู้สึกว่า มันออกจะหนีเสือปะจรเข้เลยนะ เจ้าของใหม่เขี้ยวขึ้นเยอะมาก เรื่องเยอะมาก ในขณะที่เจ้าของเก่าออกแนวหลวมๆ คุยกันง่ายกว่าอีก อันนี้เดี๋ยวจะพูดต่อไป

ก็ไม่รู้ว่าโครงการนี้ยอดขายดีหรือเปล่า ที่ผ่านมาก็เห็นเพื่อนบ้านเยอะขึ้นมาก แต่เห็นปรับไปปรับมาอยู่ตลอด ก็ชักไม่แน่ใจ
ทีนี้ พอดูชื่อของโครงการ ก็จะพบว่าโครงการเราเปลี่ยนชื่อไปแล้ว.... 6 ชื่อ !!!!

- The Green Ninth -- เปิดโครงการมาด้วยชื่อนี้ ตั้งแต่ยุค pre-sale ยังไม่ก่อสร้างโครงการ ช่วงนี้เจ้าของเดิมดูตั้งใจทำมาก รูปลักษณ์ทันสมัยในสมัยนั้น อาคารสีขาวล้วนตัดกับกระจกลูกฟักสีเขียวเต็มบานเรียงกันเป็นแนว แต่ก็เจอปัญหารุมเร้าสารพัด จนเลื่อนโอนไปหลายปี
- Classe -- กว่าจะโอนได้ ชื่อเดิมก็เอาท์ไปแล้ว สีขาวก็เริ่มซีด เลยเปลี่ยนชื่อใหม่ ทาสีตึกใหม่เป็นสีชมพู
- The Kris Extra Rama 9 (ป้ายสีส้ม-ดำ) -- ยุคกฤษฏานคร (AQ) เข้ามาเทคโอเวอร์ ใช้ชื่อนี้อยู่พักนึง
- The Kris Rama 9 (ป้ายสีฟ้า) -- re-branding ใหม่ ให้เหมือนกันทั้งสาขา ratchada 17 และ rama 9 แต่ใช้ชื่อนี้อยู่แป๊บเดียวจริงๆ
- Kris Garden (ป้ายสีเขียว) -- แบบปัจจุบัน
- Garden

ล่าสุดก็เปลี่ยนมาเป็นชื่อ Garden เฉยๆ แถมเปลี่ยนธีมสีให้ดูวัยรุ่นมากขึ้น มีการมาตกแต่งอาคารใหม่บางส่วน ทาสี ปูหญ้าเทียม ติดสติกเกอร์สีเข้ม
สโลแกน #ชีวิตดี #อยู่สนุก #ถูกกว่าเช่า ก็แสดงว่าเน้นกลุ่มเป้าหมายไปที่กลุ่มวัยรุ่น-กลุ่มคนเริ่มทำงานชัดเจนขึ้น
แต่ในเมื่อเปลี่ยนแบรนด์กันขนาดนี้ ก็คงต้องมีการปรับ product ให้มันน่าสนใจกว่าเดิม...ก็ไม่รู้จะต่างจากของเดิมอย่างไร ต้องดูกันต่อไป (จะ open house 22-23 เดือนนี้ ...จะว่าไปก็ open house ไม่รู้มากี่รอบละ)
อยากจะรู้เหมือนกันที่ว่าอยู่สนุก มันสนุกยังไง ในเมื่อส่วนกลางเป็นแบบนี้....

ทีนี้ ก็ขอพูดเรื่องส่วนกลางบ้าง ซึ่งเป็นสิ่งที่ผม "ผิดหวัง" ที่สุด สำหรับการเทคโอเวอร์ของ AQ
ถ้าถามผมตอนนี้ว่าโครงการน่าอยู่มั้ย ผมก็ว่าน่าอยู่ ร่มรื่นดี ดูมีระดับขึ้นกว่าที่เจ้าของเก่าเคยทำ
แต่ถ้าถามว่าควรซื้อดีไหม ผมอาจจะลากคุณไปซื้อโครงการอื่นแทน เพราะขนาดตัวผมเอง ยังวางแผนเตรียมเก็บเงินเพื่อดาวน์คอนโดใหม่ที่ดีกว่านี้เลย
ที่แน่ๆ คราวนี้ผมจะเลือกเอาโครงการที่ส่วนกลาง สระว่ายน้ำ ฟิตเนส เป็นทรัพย์ส่วนกลางเท่านั้น!! (เรียกว่ามีบทเรียนแล้ว) ส่วนห้องที่อยู่ตอนนี้ คงจะปล่อยเช่าไป เอาน่า ถ้ามีห้างอยู่ใกล้ๆ คงค่าเช่าดีทีเดียว

พูดถึงเรื่องส่วนกลาง หลายคนที่เข้ามาใหม่อาจจะยังไม่ทราบแนวคิดของโครงการนี้แต่แรก
คือลูกค้ากลุ่มแรกๆ จะมีโอกาสเจอเจ้าของโครงการกลุ่มเดิมได้บ้าง แถมสนิทกับเซลอีก เพราะช่วงนั้นมีดราม่าเรื่องการโอนอาคารที่ปัญหาลากยาวมาหลายปี กว่าจะเข้าอยู่กันได้
เจ้าของเดิม ก็เป็นเจ้าของโรงแรมดังแถวนี้แหละครับ ผมก็พอมีโอกาสได้เจอ ได้มีเรียกประชุมกัน เลยได้ฟังแนวคิดของเขา
ขอสรุปสั้นๆ ว่า เจ้าของเดิมมีความตั้งใจในการทำโครงการที่ดี อยากให้มันออกมาดีจริงๆ แนวคิดหลายอย่างก็เพื่อลูกค้าจริงๆ แหละ ...แต่ฝีมือไม่ถึง เพราะทำเป็นโครงการแรก แถมทักษะการแก้ปัญหาต่ำเรี่ยติดดิน ปัญหาแต่ละเรื่องก็วิกฤติทั้งนั้น แถมโดนแกล้งจากโครงการข้างเคียงอีก สรุปก็ "เละ" ครับ จนสุดท้ายต้องให้ AQ หรือกฤษฏานครมาเทคในที่สุด (ทำไมต้องเป็นกฤษฏา --> ได้ยินมาว่า กลุ่มกฤษฏาเป็นเพื่อนกับเจ้าของเดิมครับ แถมมีหุ้นอยู่นิดนึงด้วย พอเจ้าของเดิมไม่ไหวขึ้นมา กฤษฏาก็เลยมารับช่วงต่อไป)

เจ้าของโครงการเดิม รวมถึงเซลที่ต้องติดต่อกันนานถึง 5 ปี!! เคยเล่าว่าแนวคิดเขา (เดิมที่โครงการสมัยที่ยังเป็น The Green Ninth) คือ ออกแบบให้แต่ละตึก เป็นอาคารพักอาศัยจริงๆ คือเน้นความ privacy คุณแตะคีย์การ์ดเข้าประตูแต่ละอาคารไป ก็จะมีแต่ห้องพักอย่างเดียว ดังนั้นเขาจึงทำอาคาร clubhouse ให้เป็นอาคารส่วนกลางของโครงการนี้จริงๆ เพื่อลูกบ้านจริงๆ คือตามแพลนเขาจะมี lobby รับแขก มีสวนพักผ่อน มีสระว่ายน้ำ ฟิตเนส ร้านค้า ออฟฟิตส่วนกลาง ที่จอดรถเสริมและที่จอดรถแขก ไว้ที่ตึกนี้หมด เขาบอกว่า เข้าใจว่าห้องชุดมันแคบ เค้าก็เลยทำอาคาร club house ให้มันเป็นพื้นที่ของลูกบ้านจริงๆ มายืดเส้นยืดสายที่สวนชั้นสองได้หมด ใครมีแขกมาถ้าไม่อยากให้ขึ้นห้อง ก็ไปใช้ lobby ส่วนกลางที่อาคาร D ได้เลย ใครมีรถสองคัน ก็จ่ายเงินเพิ่มเพื่อจอดใต้อาคาร D ได้ และที่สำคัญ จะมีลานกว้างๆ ที่แพลนจะเป็นคอร์ทเทนนิสในเฟสสองด้วย โอ้วว มันยอดจริงๆ (ตอนนี้อย่าไปหวังอีกเลย)

และที่เขาต้องจดทะเบียนอาคารส่วนกลาง (อาคาร D) เป็นของวิทูรธนากรเอง เพราะแต่ละตึก จะต้องจดทะเบียนนิติบุคคลอาคารชุดแยกกัน แถมยังจะมีเฟสสองที่จะตามมาอีก การให้กรรมสิทธิ์เป็นของบริษัทเองก็เพื่อที่จะจัดการได้ง่าย และสามารถแชร์กันใช้ทุกตึกได้หมด ...สมัยนั้นผมซื่อๆ ก็เลยเออออห่อหมกไป แต่ก็ยังเข้าใจเหตุผลเขานะครับ ส่วนสระว่ายน้ำ จริงๆ โครงการสมัยนั้นเขาก็บอกว่าอาจจะเก็บเงินแต่แรกเลย แต่จะไม่แพงแค่หลักสิบบาท เป็นสระเพื่อลูกบ้านโครงการจริงๆ และที่เก็บค่าใช้จ่ายแยกเพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อค่าส่วนกลาง บางห้องไม่ใช้สระจะได้ไม่ต้องเสียเงิน ซึ่งฟังแล้วก็แฟร์ๆ ดี แต่สุดท้ายเจ้าของเดิมก็ให้ใช้ฟรีมาตลอดช่วงนั้น

ผมเองดูภาพถ่าย perspective โครงการในสมัยนั้นแล้วก็แฮปปี้นะ (ตอนนั้นซื้อก่อนสร้าง) จุดขายมันอยู่ที่ตึก club house นี่แหละ เพราะห้องชุดมันแคบจริงอย่างที่เจ้าของเดิมว่า เขาก็เลยออกแบบชั้น 2 ให้เป็นลานกว้าง เป็นพื้นที่พักผ่อน ยืดเส้นยืดสายได้ สระว่ายน้ำก็น่าจะเป็นอะไรที่สามารถไปใช้บริการได้ตลอด เบื่อๆ ก็หิ้วกางเกงว่ายน้ำออกไปว่าย มันเป็นโครงการในฝันจริงๆ นะ

...........................ข้ามช็อตมายาวๆ ยุค AQ เทคโอเวอร์เลยแล้วกันครับ..................................
แรกๆ ที่กฤษฏามาเทคโอเวอร์ ผมก็ดีใจนะ เพราะดูเจ้าของคนเก่าท่าจะไม่ไหวแล้วจริงๆ แต่พอมีโอกาสพาเพื่อนไปดู The Kris Ratchada 17 ผมกลับเริ่มเสียวขึ้นมา เพราะโครงการนี้ด้วยฝีมือของกฤษฏาตัวจริง "เขี้ยว" อิ๊บอ๋ายเลย เอาจริงๆ สภาพตอนนี้โครงการเรายังน่าอยู่กว่าเยอะครับถ้าไม่นับเรื่องติดรถไฟฟ้า ซื้อ The Kris โครงการนั้นเหมือนซื้อแค่ห้องชุด ขนาดทางเดินขึ้นตึกยังต้องลอดที่จอดรถเข้าไปเลย ต้นไม้แห้งๆ มีแต่ตึกปลูกติดๆ กัน (เรียกว่าโครงการเราตั้งใจทำกว่าเยอะ สร้างตึกห่างๆ หลวมๆ โปร่งสบายกว่ามาก) ที่สำคัญคือ club house ที่นั่น ฟรีแค่ปีแรก หลังจากนั้นต้องเสียค่าสมาชิกรายปีถึงจะใช้ได้ ซึ่งแพงมากด้วย เซลอธิบายว่า เพราะกฤษฏาซื้อที่แปลงนั้นซึ่งแพงมากมาทำ club house ราคาสมาชิกก็เลยแพงไปด้วย

ผมก็เสียวๆ ครับว่าสมัยนั้นสระว่ายน้ำและฟิสเนตโครงการเราที่เคยใช้ฟรีมาก่อน จะมาเก็บเงินแบบโครงการนี้ และสุดท้ายก็ไม่รอดจริงๆ

"ปีละ 4000"
จริงๆ มันไม่แพงหรอกครับ สมเหตุผล ราคานี้จ่ายได้นะ ตกเดือนละสามร้อย วันละสิบบาท คนมีเงินซื้อโครงการแบบนี้ เงินแค่นี้ไม่ใช่ปัญหา
แต่ คุณลืมอะไรไปรึเปล่า....

4000 ต่อ 1 สมาชิก !!!
เอาจริงๆ คุณจะมาว่ายน้ำคนเดียวเหรอครับ ??? จะมาปิ้งบาร์บีคิวคนเดียวด้วยเนี่ยนะ ???
มีหลายคน ก็คูณกันเข้าไป แถมคนนอก ราคาสมาชิกสูงปรี้ด

สมัยก่อนผมก็เคยไปนอนค้างคอนโดเพื่อน ไปเล่นสระคอนโดเพื่อน เพื่อนก็อยากให้ไปเล่น เอาจริงๆ ในแง่จิตวิทยาแล้ว ใครมันก็อยากอวดสระคอนโดตัวเองเนอะ และสระมันก็เป็นทรัพย์ส่วนกลาง ลูกบ้านเอาเพื่อนไปเล่นได้เลย
และจะบอกว่า สมัยกรีนไนน์ ผมก็เอาเพื่อนมาเล่นสระคอนโดเราเหมือนกัน ถึงสระตอนนั้นจะไม่ได้ทำสวยเหมือนสมัยนี้ แต่พาเพื่อนมาเล่นฟรี มันก็ฟินได้

แต่สภาพที่เป็นอยู่นี้ มันไม่มีสิทธิ์ทำแบบนั้นได้เลย ถ้าจะเข้าสปอร์ตคลับ ต้องแตะคีย์การ์ดต่อหนึ่งคนเท่านั้น เขี้ยวอิ๊บอ๋ายจริงๆ แล้วไม่มีการเสียค่าบริการต่อครั้งด้วย ต้องเป็นเมมเบอร์รายปีเท่านั้นถึงจะใช้ได้ อดลากเพื่อนมาแน่นอน
เพราะแบบนี้ ผมจึงตัดสินใจไม่เป็นเมมเบอร์ครับ เพราะให้ไปใช้คนเดียว คงไม่ใช่ทางของผม สู้ชวนเพื่อนๆ ไปใช้สระตามมหา'ลัย หรือโรงแรมต่างๆ ยังจะดีกว่า
ก็ฝากว่า ถ้าสมาชิกสปอร์ตคลับของโครงการน้อย ฝาก AQ ลองไปพิจารณานะครับว่ามันเป็นเพราะอะไร และความต้องการของคนเรา มันคืออะไรกันแน่

ผมเลยตั้งมั่นไว้ว่า เตรียมเก็บเงิน เผื่อมีโอกาสถอยโครงการใหม่ และคราวนี้จะเลือกคอนโดที่สระว่ายน้ำเป็นทรัพย์สินส่วนกลางเท่านั้น !!!!

นอกจากนี้ พื้นที่ชั้นสอง ที่โครงการเดิมแพลนจะเป็นสวนลอยฟ้าให้ลูกบ้านได้พักผ่อน ก็กลายเป็นพื้นที่ของ AQ Estate ไปซะแล้ว กลายเป็นออฟฟิส AQ ไปทั้งตึกซะได้ จริงๆ ไม่ได้มีปัญหากับการมีออฟฟิสมาตั้งโด่ในโครงการ เพราะต่างคนก็ต่างอยู่ แถมตึกมันก็ดันเป็นกรรมสิทธิ์ของคุณ 100% จริงๆ คุณจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น แต่มันก็รู้สึกผิดหวังนะ เพราะตอนที่ซื้อโครงการตอนแรก มันไม่ได้เป็นแบบนี้เลย ผิดไปหมด กลายเป็นว่าคุณก็เขี้ยว รักษาสิทธิ์เต็มพิกัด ไม่ว่าจะเรื่องชั้นสอง ที่จอดรถ พื้นที่พักผ่อนลูกบ้าน กลายเป็นว่าเป็นอาณาจักรออฟฟิสของคุณโดยสมบูรณ์

สรุปว่าตอนนี้ลูกบ้านซื้อโครงการนี้แล้วได้อะไร ... ก็ได้แค่ห้องชุดมาจริงๆ เชิญอุดอู้อยู่แต่ในห้องได้เลย !! ล๊อบบี้ที่เคยจะทำเป็นของส่วนกลางในอาคาร D ก็กลายมาเป็นที่นั่งหย่อมเล็กๆ ด้านในแต่ละตึก แถมกลายเป็นแค่ของตกแต่ง เพราะร้อน ใช้รับแขกจริงไม่ได้หรอก แถมต้องผ่านส่วนคีย์การ์ดมาแล้ว จะให้แขกมานั่งรอได้อย่างไร ...ก็อย่างที่บอกว่าโครงการเขาไม่ได้ออกแบบมาให้เป็นแบบนี้แต่แรก
เพราะอย่างนั้น พูดอีกรอบว่าถ้ามีใครมาถามว่าซื้อโครงการนี้ดีมั้ย ผมก็จะลากให้ไปซื้อโครงการอื่นแทน เพราะแม้แต่ตัวผมเอง ก็ยังอยากจะเปลี่ยนไปอยู่ที่มันดีกว่านี้จริงๆ ..เอาเป็นว่าจบตามนั้นนะครับ

ผมไม่รู้ว่ามีคนของ AQ มาอ่านหรือเปล่า ก็อยากให้อ่านนะครับ จะได้สะท้อนมุมมองจากลูกบ้านได้บ้าง เข้าใจว่าคุณไม่แคร์ลูกบ้านรุ่นเก่าๆ อย่างผมหรอก แต่อย่างน้อยจะได้เข้าใจว่า คนจะซื้อคอนโด เขาต้องการอะไร และคุณจะได้แก้ไขพัฒนาเพื่อให้มันเตะตาลูกค้าและขายห้องได้ง่ายๆ บ้าง ผมเองก็อยากได้เพื่อนบ้านให้เต็มเหมือนกัน โครงการนี้มันโดนด่าว่าร้างมานานแล้ว แต่ถ้าในเมื่อมันยังไม่ดีพอและมีที่อื่นที่ดีกว่า เป็นผม ผมก็อยากแนะนำให้เขาไปซื้อที่อื่นอยู่ดี อย่างเรื่องส่วนกลางเนี่ย ก็จะได้เข้าใจว่า แนวคิดของเจ้าของเดิมเขาเป็นอย่างไร เขาจึงออกแบบโครงการมาเป็นผังแบบนี้ แล้วคุณมาปรับเปลี่ยนไป มันก็เลยดูขาดๆ ไม่น่าอยู่อย่างที่ควรจะเป็น

และการจะอดคิดว่าพวกคุณเขี้ยวไม่ได้ ก็อย่างเรื่องรถรับส่งของโครงการ (ซึ่งเป็นจุดขายของโครงการตั้งแต่ยุคแรกสุดแล้วเช่นกัน) เดิมทีแรกสุด รถตู้ส่ง MRT เพชรบุรี แค่ 10 บาทเท่านั้น (ราคาเท่ากับคอนโดอื่นๆ อย่างลุมพินีศูนย์วัฒนธรรม) และก็มีรถกอล์ฟบริการส่งถึงหน้าปากซอยฟรีตลอด 24 ชั่วโมง เผื่อไปเรียกแท๊กซี่ได้ ถือว่าสะดวกมากๆ ต่อมารถตู้ก็เปลี่ยนมาฟรีเพื่อชดเชยให้ลูกค้ากรณีเรื่องโอน แต่พอ AQ มาทำ ก็มาขึ้นขารถไปเป็น 20 บาท ซึ่งมันแพงมากเลยนะครับ ขึ้นมอไซต์เสียเท่ากัน จะออกเมื่อไหร่ก็ได้ ดีกว่าเยอะ ส่วนรถกอล์ฟยิ่งแพงไปใหญ่ 40 บาท ตอนนั้นขึ้นลิฟท์กับลูกบ้านอีกคน เห็นประกาศนี้ ยังมองหน้ากัน รู้สึกเงิบตามกันเลย คือบรรยากาศสบายๆ เหมือนเมื่อก่อนมันไม่มีอีกแล้ว มันมีแต่ความเขี้ยว เหมือนมาอาศัยเขาอยู่ เหมือนซื้อคอนโดแล้วได้แค่ห้องจริงๆ

ก็จะรอดูว่า รีแบรนด์เป็น GARDEN แล้ว จะ #ชีวิตดี #อยู่สนุก #ถูกกว่าเช่า จริงหรือเปล่า จะรอดูครับ

จากลูกบ้านที่อยู่มาแล้ว 6 ปีพอดี

http://www.prakard.com/default.aspx?g=posts&t=985995


ID=2418,MSG=2716
ลูกค้าเราโทรได้ 24hr


⭐️ เราให้คำแนะนำปรึกษา รักษาผลประโยชน์ให้ลูกค้า ของเรา
⭐️ เราอยู่เคียงข้างลูกค้าของเรา ช่วยเหลือ ดูแลบริการ
⭐️ เรารองรับช่องทางติดต่อมากมาย สะดวก เข้าถึงง่าย
⭐️ เราดำเนินธุรกิจยาวนานกว่า20 ปี คุณจึงมั่นใจได้
⭐️ คุณมีสามารถรับบริการทั้งจากบริษัทประกันเจ้าของสินค้า และ เรา (ตัวกลาง)

ไทย มีราว 80 บริษัทประกันภัย สินค้าที่แตกต่าง ทั้ง เงื่อนไข ราคา เคลม ความมั่นคง นโยบาย ฯลฯ
ขายผ่านตัวกลาง กว่า 500,000 ราย : ตัวแทน นายหน้า ธนาคาร บิ๊กซี โลตัส ค่ายรถยนต์ เฮ้าส์แบรนด์ ของประกันภัย หรือ ซื้อตรงกับบริษัทเจ้าของสินค้า
⭐️ ตัวอย่าง การบริการ กดดูที่ลิงค์นี้

"สิ่งที่ต้องคำนึงอันดับแรกในการซื้อประกัน คือ ตัวกลางประกันภัย ซึ่งจะเป็นที่ปรึกษา ช่วยเหลือ ดูแลเรา ตลอดอายุกรมธรรม์"

โปรดรอ

display:inline-block; position:relative;
ลูกค้าเราโทรได้ 24hr



โทร.(จ-ศ : 9-16) เว้นวันหยุดฯ , ลูกค้าเรา บริการ 24/7/365 , Sunday เวลา 09:22:05pm... กรุณาติดต่อ ช่องทางข้อความ
Copyright © 2018 Cymiz.com., All rights reserved.นโยบาย,ข้อตกลงcymiz.com