การใช้คลอรีนน้ำ โซเดียมไฮโปคลอไรต์ (NaOCL)(Sodium Hypochlorite)ชนิด 10%
การใช้คลอรีนน้ำ โซเดียมไฮโปคลอไรต์ (NaOCL)(Sodium Hypochlorite)ชนิด 10%
การใช้คลอรีนเพื่อฆ่าเชื้อโรคในน้ำประปา หลังจากผ่านการกรองน้ำจากถังกรองแล้ว น้ำประปาจำเป็นจะต้องมีปริมาณคลอรีนหลงเหลือในถังน้ำใสก่อนสูบจ่ายให้กับผู้ใช้น้ำในปริมาณ 1 PPM (1 ส่วนใน 1,000,000 ส่วน) หรือ 1 กรัมในน้ำ 1 ลูกบาศก์เมตร เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค ดังนั้น ผู้ผลิตน้ำประปาต้องระมัดระวังการใช้คลอรีนและควบคุมให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม คลอรีนน้ำใช้ง่ายและสะดวกไม่มีกากปูนขาวตกค้างและระบายทิ้งให้สกปรกในบริเวณการประปา เป็นการรักษาสภาพแวดล้อมให้ดูสวยงามและมั่นใจได้ว่าผู้ใช้น้ำต้องปลอดภัยจากเชื้อโรคที่ปะปนมากับน้ำประปา
การตรวจสอบข้อมูลก่อนใช้คลอรีนน้ำ มีวิธีการดังนี้
ก.ต้องรู้เครื่องสูบน้ำดิบจากแหล่งน้ำสูบได้ในอัตรากี่ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง
ข.ต้องรู้เครื่องจ่ายสารคลอรีนสามารถจ่ายได้ในอัตราชั่วโมงละกี่ลิตร
ค.ต้องรู้ความจุของถังจ่ายคลอรีนมีความจุเท่าไร
ก.การตรวจสอบปริมาณการสูบน้ำของเครื่องสูบน้ำดิบ
1. ใช้วิธีการตวง
2. ใช้วิธีการวัดถังตกตะกอน
3. ใช้วิธีการวัดถังกรอง
4. ใช้วิธีวัดถังน้ำใส มีรายละเอียดการวัดดังนี้
วิธีการวัดปริมาณน้ำที่ถังน้ำใส
ถังน้ำใส มีความจุไม่น้อยกว่า 6 เท่า ของกำลังการผลิตน้ำประปาในหนึ่งชั่วโมง ปริมาณน้ำที่ผ่านจากถังกรองน้ำจะไหลไปรวมกันที่ถังน้ำใส การเติมคลอรีนน้ำในถังน้ำใสก่อนจ่าย 30 นาที สูตรการใช้คลอรีนน้ำ 10 % น้ำ 1 ลูกบาศก์เมตร เติมคลอรีนน้ำ 10 กรัม จะมีคลอรีนเหลือที่ถังน้ำใส 1 PPM ปลายท่อไม่เกิน 0.3 PPM วิธีการการวัดปริมาณน้ำในถังน้ำใสดังนี้
4.1 วัดความกว้าง และความยาว(หน่วยเป็นเมตร) ของถังน้ำใสเฉพาะด้านในเท่านั้น ผลการวัดที่ได้นำมาคูณกันจะเป็นพื้นที่ของถังน้ำใสหน่วยเป็นลูกบาศก์เมตร ใช้ไม้ยาวประมาณ 3 เมตร จุ่มลงในถังน้ำใสแล้วยกขึ้นทำเครื่องหมายไว้ที่ระดับน้ำบนไม้
4.2 ถังน้ำใสแบบกลม การหาความจุของน้ำในถังน้ำใสใช้ 3.14 คูณด้วย รัศมีของถังน้ำใสสองครั้งคูณด้วยความสูงของระดับน้ำในถังน้ำใส หน่วยเป็นลูกบาศก์เมตร
4.3 เปิดประตูน้ำปล่อยน้ำจากถังกรองน้ำลงถังน้ำใส เริ่มจับเวลาเป็นนาทีรวมสามครั้ง (หน่วยเป็นเมตรต่อนาที)ดึงไม้มาวัดระดับน้ำที่เพิ่มขึ้นทั้งสามครั้ง
4.4 รวมระยะที่วัดระดับน้ำได้สามครั้งหารด้วย 3 จะได้ระดับน้ำเฉลี่ยนำไปคูณกับพื้นที่ของถังน้ำใสคูณด้วย 60 หน่วยที่ได้จะเป็นปริมาณน้ำเข้าถังน้ำใสกี่ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง
วิธีผสมและการใช้เครื่องจ่ายคลอรีนน้ำ
การจ่ายคลอรีนใช้เครื่องสูบน้ำดิบขนาดสูบได้ 10 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลาสูบน้ำ 20 ชั่วโมง จะสูบน้ำได้ 200 ลูกบาศก์เมตร เครื่องจ่ายคลอรีนสามารถจ่ายได้ 10 ลิตรต่อชั่วโมง ถังผสมคลอรีนจุ 200 ลิตร (สูตรสำหรับคลอรีนน้ำโซเดียมไฮโปคลอไรด์ชนิด 10 % น้ำ 1 ลูกบาศก์เมตร จะใช้คลอรีนน้ำ 10 กรัม) จะใช้คลอรีนน้ำ 200x10 เท่า 2000 กรัมหรือ 2 กิโลกรัมหรือ 2 ลิตร
1.ชั่งคลอรีนน้ำหนัก 2 กิโลกรัม (2 ลิตร) เทลงถังผสมขนาดจุ 200 ลิตร
2. เติมน้ำผสมคลอรีนที่เทลงไปในถังให้ถึงขีดความจุข้างถังที่ระดับ 200 ลิตร
3. ตั้งเครื่องจ่ายคลอรีนไปที่ 10 ลิตรต่อชั่วโมง
4. เดินเครื่องสูบน้ำดิบให้น้ำผ่านถังตกตะกอนเข้าถังกรอง เริ่มไหลลงถังน้ำ
5. เดินเครื่องจ่ายคลอรีนผสมน้ำในถังน้ำใสได้ทันที
6. อย่าลืมต้องให้คลอรีนผสมน้ำในถังน้ำใสประมาณ 30 นาที ก่อนใช้เครื่องสูบน้ำจ่ายน้ำขึ้นหอถังสูง
ในกรณีไม่มีเครื่องจ่ายสารเคมี เมื่อรู้ความจุของถังน้ำใสให้คูณด้วย 10 จะเป็นปริมาณคลอรีนน้ำที่เติมในถังน้ำใส เช่น ถังน้ำใสมีความจุ 100 ลูกบาศก์เมตร จะต้องเติมคลอรีนน้ำ 100x10 เท่ากับ 1000 กรัม หรือ 1 ลิตร ตวงคลอรีนน้ำ 1 ลิตร เทให้รอบถังน้ำใสปล่อยทิ้งไว้ 30 นาที เริ่มใช้เครื่องสูบน้ำแรงสูงจ่ายน้ำจากถังน้ำใสได้ทันที
การใช้คลอรีนน้ำ (Sodium Hypochlorite) ชนิด 10% จะใช้ง่ายกว่าการใช้ผงปูนคลอรีน เนื่องจากการใช้ผงปูนคลอรีนจะต้องมีถังผสมคลอรีนก่อนหนึ่งถัง เมื่อผสมผงปูนคลอรีนกับน้ำเป็นที่เรียบร้อยแล้วจะต้องปล่อยน้ำใสด้านบนของถังไหลลงไปที่ถังจ่าย ผงปูนคลอรีนที่นอนก้นต้องระบายทิ้งไปทำให้ท่อเกิดการอุดตันและสกปรกอย่างมาก หากใช้คลอรีนน้ำเราใช้ถังผสมเพียงถังเดียว เมื่อผสมคลอรีนได้ตามต้องการแล้วสามารถจ่ายคลอรีนได้เลยไม่ต้องกลัวเครื่องจ่ายจะอุดตัน จึงง่ายและสะดวกสบายที่จะนำไปใช้ในการผลิตน้ำประปาขององค์การบริหารส่วนตำบลหรือเทศบาลฯ และเอกชน โดยทั่วไป
ID=2415,MSG=2713