อันตรายจากเครื่องเขียน

อันตรายจากเครื่องเขียน

อันตรายจากเครื่องเขียน

ปัจจุบันตลาดเครื่องเขียนในบ้านเราแต่ละปีมีมูลค่านับหมื่นล้านบาท จากจำนวนสินค้านับพันไอเท็ม แต่ประเภทที่ส่อว่าจะเกิดปัญหากับผู้บริโภคนอกจากน้ำยาลบคำผิดที่ปัจจุบันมี มูลค่า 1,000 ล้านบาทต่อปีแล้ว ยังมีสินค้าประเภทอื่นๆอีก โดยเฉพาะชนิดที่มีตัวทำละลายเป็นส่วนประกอบสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น ปากกาลูกลื่น ปากกาเคมี(Marker) ปากกาไฮไลท์ เป็นต้น

ปัจจุบันมีน้ำยาลบคำผิดเข้ามาในตลาดบ้านเราค่อนข้างมาก แต่ที่ผิดสังเกตก็คือสินค้าเหล่านี้หลายตัวที่มาจากจีนไม่ได้ผ่านสำนักงาน คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ทั้งที่ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมระบุว่า น้ำยาลบคำผิดซึ่งเป็นเครื่องเขียนเพียงตัวเดียวต้องผ่านอย. เนื่องจากกระทรวงอุตสาหกรรมจะตั้งข้อสงสัยไว้ก่อนว่าในสารละลาย หรือสารประกอบที่ใช้ในตัวน้ำยาจะประกอบไปด้วยวัตถุอันตราย เพราะในน้ำยาลบคำผิดจะมีสารที่เป็นตัวทำละลายเพื่อให้เกิดน้ำยาสีขาว น้ำยาทำลายที่เขาใช้โดยทั่วไปมันมีอยู่หลายกลุ่มมาก แต่บางกลุ่มที่เขาใช้มันมีอันตรายในแง่ของการทำลายระบบหายใจ และเป็นสารที่ทำให้ก่อเกิดมะเร็ง โดยเฉพาะน้ำยาลบคำผิดที่มีส่วนประกอบของน้ำมันเบนซิน และสาร trichloroethane หรือที่รู้จักกันดีในหมู่ของผู้ประกอบการภายใต้ชื่อ 111

ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการเทคนิคคณะที่ 26 โครงการฉลากเขียว สำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรมระบุถึงข้อกำหนดพิเศษของน้ำยาลบคำผิดว่า จะต้องไม่มีสารดังต่อไปนี้เป็นส่วนประกอบ คือ

1.สารที่เป็นสารก่อมะเร็งตามรายชื่อใน group 1 (สารก่อมะเร็งที่ได้รับการยืนยันแล้ว)

และ group 2 (สารที่มีหลักฐานเพียงพอว่าก่อมะเร็ง) ของ International Agency for Research on Cancer (IARC) และที่มีประกาศเพิ่มเติม และ 2.สารประกอบอินทรีย์ฮาโลจิเนต (halogenated organic components) เช่น สาร 1,1,1-trichloroethane

“ตอนนี้มีผู้นำเข้าอิสระมาจากหลายแหล่งนำเข้ามาเอง ด้วยความรวดเร็ว ราคาถูก ต้นทุนถูก นำเข้ามาโดยไม่ได้ขออนุญาตจากอย. และมีขายในตลาดเต็มไปหมด”

จากการสำรวจตลาดพบว่าตลาดน้ำยาลบคำผิดในบ้านเรา แบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่

กลุ่ม แรก เป็นของที่มีคุณภาพ ตราสินค้ามีชื่อเสียง ได้รับอนุญาตจากอย. มีมาตรฐานอุตสาหกรรม ที่เป็นที่รู้จักกันดีในกลุ่มนี้ ได้แก่ ลิควิดเปเปอร์, เรโนลต์ เป็นต้น เนื่องจากเป็นสินค้าคุณภาพทั้งตัวน้ำยาลบคำผิด และบรรจุภัณฑ์ จึงทำให้ราคาสินค้าค่อนข้างสูงตามไปด้วย คือประมาณ 45-55 บาท มีลิควิดเปเปอร์เป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งประมาณ 60%

กลุ่มที่สอง เป็นน้ำยาลบคำผิดที่นำเข้าจากประเทศจีน ในกลุ่มนี้ยังสามารถแบ่งได้ออกเป็น 2 ส่วนคือ

ส่วนแรก นำเข้าสินค้าจากจีน แต่นำเข้าโดยถูกกฎหมายด้วยการส่งสินค้าไปให้อย.ตรวจสอบ สินค้ามีตราสินค้า และมีการทำตลาดพอสมควร

ส่วนที่สอง นำเข้าจากจีนเช่นกันแต่ไม่ได้ส่งสินค้าให้อย.ตรวจสอบมาตรฐาน วางขายในราคาถูกเพียง 9-12 บาทเท่านั้น ไม่มีการทำตลาด ซึ่งกลุ่มนี้ถือว่าเป็นสินค้าค่อนข้างเสี่ยง

เราเจอกันบ่อยๆตามตลาดนัดที่เขียนว่าทุกอย่าง 10 บาท

ที่ น่าตกใจก็คือสินค้าที่ถือว่าอันตรายต่อผู้บริโภคคนไทยตัวนี้มีขายในบ้านเรา มานานนับสิบปี และถึงเวลานี้ก็ยังคงมีจำหน่ายอยู่ตามร้านเครื่องเขียนทั้งในกรุงเทพและต่าง จังหวัดแทบทุกร้าน โดยมีแหล่งกระจายสินค้าใหญ่อยู่ที่ตลาดสำเพ็ง ซึ่งกระบวนการนำเข้าก็ง่ายแสนง่าย และยากจะจับมือใครดม เพราะมีผู้นำเข้าอิสระเป็นจำนวนมาก แถมมูลค่าตลาดยังสูงถึง 200 ล้านบาทต่อปี จึงยั่วยวนให้รายใหม่ๆทยอยเข้าตลาดเป็นจำนวนมาก

แต่จะว่าไปแล้วสินค้าประเภทน้ำยาลบคำผิดทุกตัวที่มีสารทำละลายไม่ว่าแบรนด์ ใดๆ ล้วนมีข้อเสียด้วยกันทั้งนั้น เพียงแต่สูดแล้วไม่เป็นอะไร หรือสูดแล้วก่อให้เกิดมะเร็ง เช่น กรณีของลิควิดเปเปอร์ก็ตระหนักในเรื่องนี้ แม้ว่าตัวผลิตภัณฑ์และตัวทำละลายจะผ่านมาตรฐานอย. และได้รับฉลากเขียวว่าไม่เป็นภัยต่อผู้บริโภคก็ตาม แต่ก็ยังจงใจใส่กลิ่นคัสตาร์ดเข้าไปเพื่อทำสร้างกลิ่นให้ฉุน เพื่อให้ผู้ใช้รู้สึกระคายเคืองจะได้ไม่ดม ขณะที่บางยี่ห้อที่เป็นอันตรายอาจใช้จุดขายตรงกลิ่นหอม ทำให้ผู้บริโภคคิดว่าเป็นของดี

ใครคือเหยื่อ
หากพิจารณาผู้ใช้สินค้าพวกนี้คงหนีไม่พ้นบรรดานักเรียน นักศึกษา เป็นหลัก เนื่องจากนิยมซื้อของโดยคำนึงถึงราคามากกว่า โดยเฉพาะนักเรียนตามต่างจังหวัด อีกทั้งคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้ว่าน้ำยาลบคำผิดต้องมีเครื่องหมายอย. อยู่ด้วย จึงคิดว่าใช้สินค้าของยี่ห้อไหนก็เหมือนกัน โดยไม่คาดคิดมาก่อนว่ามีอันตรายแอบซ่อนอยู่ในน้ำยาลบคำผิดชนิดขวดหรือชนิด ปากกาที่พวกเขาใช้อยู่ บางครั้งบรรดาตะกั่ว หรือปรอทยังอาจเคลือบมากับบรรจุภัณฑ์ และบางครั้งน้ำยาที่ถูกทาทับบนกระดาษทั้งที่แห่งแล้วหรือยังเปียกอยู่ก็อาจ เป็นอันตรายหากใครบางคนไปสัมผัสเข้า

“สัมผัสก็สามารถซึมเข้าร่างกายได้ด้วย เพราะมันมีสารตกค้าง เพราะบางทีการฉีดตัวด้าม หรือบาร์เรล บางทีเขาฉีดด้วยพลาสติกในพลาสติกบางทีมีการใส่เม็ดสีลงไปเพื่อให้ตัวด้าม เป็นสีนั้นสีนี้ มันจะมีสารตะกั่วสารปรอท เหมือนกับกรณีของเล่นเด็กที่สารปรอทหรือตะกั่วตกค้างอยู่ มันก็รับได้ทั้งในแง่ของไอระเหย จับ และการกินเข้าไป”

ขณะที่บรรดาบริษัท หรือหน่วยงานราชการ แม้จะเป็นอีกกลุ่มที่นิยมใช้น้ำยาลบคำผิด แต่กลุ่มนี้มักซื้อสินค้าที่มียี่ห้อมากกว่า เนื่องจากกลุ่มนี้อาจเคยมีประสบการณ์จากการซื้อสินค้าโดยมองที่ราคา แต่เมื่อนำไปใช้จะพบว่าจากจำนวนที่ซื้อมา 10 แท่งจะใช้ได้จริงเพียง 5 แท่งเท่านั้น มิหนำซ้ำมีระยะเวลาในการใช้ได้เพียงไม่กี่วัน หรือบางกรณีระบุข้างบรรจุภัณฑ์ว่ามีปริมาตร 7 หรือ 10 ml แต่พอเขย่าจริงมีจำนวนของเหลวที่อยู่ข้างในไม่ถึงจำนวนที่ระบุ

สำหรับรูปร่างหน้าตาของสินค้าในกลุ่มเสี่ยงส่วนใหญ่มักจะใช้กระดาษ หรือสติ๊กเกอร์รูปการ์ตูน สีสัดสดใส พันทับบรรจุภัณฑ์ ส่วนใหญ่เป็นแบบปากกา เพื่อดึงดูดใจกลุ่มเป้าหมายหลักคือกลุ่มผู้หญิง

นอกจากน้ำยาลบคำผิดแล้ว เครื่องเขียนประเภท ปากกาลูกลื่น ปากกาเคมี(Marker) ปากกาไฮไลท์ ยังอาจเป็น “อาวุธ” พิฆาตตนเองโดยไม่รู้ตัว เนื่องจากแต่ละสินค้าที่ว่านั้นต่างมีตัวทำละลายเป็นองค์ประกอบหลัก ที่สำคัญ และสินค้าหลายตัวเป็นสินค้าที่ผลิตมาจากประเทศจีน แถมมีบางสินค้าเป็นโรงงานของคนจีนที่เข้ามาเปิดในประเทศไทยทั้งในกรุงเทพ และต่างจังหวัด

อย่างไรก็ตาม สินค้าเหล่านี้ที่ผลิตจากจีนหรือผลิตโดยคนจีนในไทยไม่ใช่จะน่ากลัวไปทั้งหมด แต่ที่ควรจับตาให้มากก็คือปากกาที่ขายปลีกต่ำกว่าราคาขายตามในท้องตลาดมาก เช่น ราคาจำหน่ายตามร้านทั่วไปอาจจะประมาณ 20-40 บาทต่อด้าม แต่สินค้าที่ “น่ากลัว” อาจจำหน่ายในราคาเพียงด้ามละ 6-12 บาทเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันสินค้าที่เข้าข่ายในลักษณะนี้มีเป็นจำนวนมาก เพราะทุกโรงงานสามารถผลิตสินค้าพวกนี้กันได้ทั้งนั้น ที่สำคัญเวลานี้คนไทยใช้ปากกาเคมีทั้งที่มี 1 หัว หรือ 2 หัวกันมากทั้งนักเรียนที่ใช้เขียนบอร์ดทำรายงาน พ่อค้าแม่ขายที่ใช้เขียนป้ายบอกราคา พนักงานตามบริษัทที่ต้องใช้เขียนเพื่อระบุประเภทสินค้า ซึ่งกลุ่มต่างๆที่กล่าวมาล้วนเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ใช้สินค้าประเภทนี้เช่นกัน เพราะจะให้ความสำคัญกับราคาเช่นเดียวกับน้ำยาลบคำผิด จนเวลานี้มูลค่าตลาดสูงกว่าตลาดน้ำยาลบคำผิด แสดงให้เห็นว่ามีคนที่ใช้สินค้าที่ว่านี้จำนวนมหาศาล

บางครั้งผู้บริโภคอาจไม่รู้ว่าตนกำลังซื้อสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน และกำลังจะทำร้ายตนเองโดยไม่รู้ตัว สิ่งที่พอจะช่วยได้ในการซื้อสินค้าประเภทนี้ก็คือ พิจารณาจากตราสินค้า บริษัทนำเข้าที่เชื่อถือได้ ผลิตภัณฑ์อยู่ในแพ็คสะอาด มีวันที่หมดอายุ มีผู้ผลิตแน่นอน วัสดุที่ใช้ในการผลิตบรรจุภัณฑ์เป็นของดี ส่วนการดูตรา อย. ก็เป็นอีกหนทางที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการซื้อสินค้า แต่ควรพึงระวังไว้สักเล็กน้อยว่า บางสินค้าอาจสวมรอยใช้ตรา อย.ปลอม เหมือนกรณีรถยนต์ที่สวมทะเบียนปลอม ทำให้การซื้อโดยพิจารณาจากตรงนี้เพียงอย่างเดียวอาจยากพอสมควร


ID=2401,MSG=2699


⭐️ เราให้คำแนะนำปรึกษา รักษาผลประโยชน์ให้ลูกค้า ของเรา
⭐️ เราอยู่เคียงข้างลูกค้าของเรา ช่วยเหลือ ดูแลบริการ
⭐️ เรารองรับช่องทางติดต่อมากมาย สะดวก เข้าถึงง่าย
⭐️ เราดำเนินธุรกิจยาวนานกว่า20 ปี คุณจึงมั่นใจได้
⭐️ คุณมีสามารถรับบริการทั้งจากบริษัทประกันเจ้าของสินค้า และ เรา (ตัวกลาง)

ไทย มีราว 80 บริษัทประกันภัย สินค้าที่แตกต่าง ทั้ง เงื่อนไข ราคา เคลม ความมั่นคง นโยบาย ฯลฯ
ขายผ่านตัวกลาง กว่า 500,000 ราย : ตัวแทน นายหน้า ธนาคาร บิ๊กซี โลตัส ค่ายรถยนต์ เฮ้าส์แบรนด์ ของประกันภัย หรือ ซื้อตรงกับบริษัทเจ้าของสินค้า
⭐️ ตัวอย่าง การบริการ กดดูที่ลิงค์นี้

"สิ่งที่ต้องคำนึงอันดับแรกในการซื้อประกัน คือ ตัวกลางประกันภัย ซึ่งจะเป็นที่ปรึกษา ช่วยเหลือ ดูแลเรา ตลอดอายุกรมธรรม์"

โปรดรอ

display:inline-block; position:relative;
โทร.(จ-ศ : 9-16) เว้นวันหยุดฯ , ลูกค้าเรา บริการ 24/7/365 , Friday เวลา 08:48:54am เปิดทำการ 9.00
Copyright © 2018 Cymiz.com., All rights reserved.นโยบาย,ข้อตกลงcymiz.com