น้ำตาลเทียม อันตรายจากสารให้ความหวานแทนน้ำตาล

น้ำตาลเทียม อันตรายจากสารให้ความหวานแทนน้ำตาล

การเป็นโรคอ้วนกำลังกลายเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทั่ว โลกแม้แต่ในประเทศกำลังพัฒนา เครื่องดื่มและอาหารลดน้ำหนักที่ทำจากสารให้ ความหวานแทนน้ำตาลก็ดูเหมือนว่าจะไม่ช่วยควบคุมความกระหายหิวของคนเราได้ เลย การศึกษาครั้งใหม่นี้มีเงื่อนงำบางอย่างเกี่ยวกับความไม่มีประสิทธิภาพ ของน้ำตาลเทียม

ในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา การที่เมืองต่างๆ เติบโตขึ้น และรายได้ของผู้คนทั่วโลกเพิ่มขึ้น ทำให้โภชนาการของผู้คนทั่วโลกมีแคโลรี่ หรือพลังงานเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 74% การศึกษาของมหาวิทยาลัยนอร์ธ แคโรไล น่า เชื่อว่า พลังงานที่เพิ่มขึ้นนี้มาจากการที่ผู้คนบริโภคน้ำตาลและสารให้ ความหวานแทนน้ำตาลกันมากขึ้น และในช่วงเวลาเดียวกันนั้น คนอเมริกันบริโภค อาหารที่ปราศจากน้ำตาลเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว

ไม่ว่าจะเรียกสารให้ ความหวานเหล่านั้นว่าน้ำตาลเทียมหรืออะไรก็แล้วแต่ หลายๆ คนก็เชื่อว่าสาร ให้ความหวานที่ว่านี้รสชาติดีไม่แพ้น้ำตาลแท้ๆ เลยทีเดียว
ศาสตราจารย์ ซูซาน สวิธเธอร์ แห่งมหาวิทยาลัย Purdue กล่าวว่า คนเราอาจจะคิดว่าการรับ ประ ทานอาหารที่มีพลังงานน้อยจะทำให้น้ำหนักตัวน้อยลง แต่ความเป็นจริงแล้ว อาจตรงข้ามกัน
มหาวิทยาลัย Purdue ศึกษาวิจัยหนูสองกลุ่ม โดยกลุ่ม แรกให้กินโยเกิร์ตผสมน้ำตาลเทียม และอีกกลุ่มหนึ่งให้กินโยเกิร์ตผสมน้ำตาล กลูโคส ซึ่งให้พลังงานสูง แต่หนูที่กินน้ำตาลเทียมกลับมีน้ำหนักตัวเพิ่ม ขึ้นมากกว่าถึง 20%

นักวิจัยกล่าวว่า น้ำตาลเทียมอาจไปยับยั้งความ สามารถในการควบคุมหรือแสดงถึงปริมาณแคโลรี่ที่ร่างกายบริโภคเข้าไป ผลก็คือ ระบบเผาผลาญจะทำงานช้าลง และไม่เผาผลาญพลังงานมากเท่าที่ควรจะเป็น

เครื่อง ดื่มหรือน้ำผลไม้ที่เจือน้ำตาลเทียมมีบทบาทสำคัญในระบบโภชนาการของ ชาวอเมริกัน คุณจอห์น ฟอร์แอท ที่ปรึกษาด้านการแพทย์สำหรับอุตสาหกรรม เครื่องดื่มของสหรัฐฯ กล่าวว่า การเปรียบเทียบพฤติกรรมของหนูกับคนนั้นเป็น เรื่องที่ไม่ถูกต้อง

คุณจอห์น บอกว่า มนุษย์ไม่ใช่หนู ดังนั้น จึง ไม่สามารถเปรียบเทียบการศึกษาหนูกับมนุษย์ได้ แต่การสำรวจประชากรในปี พ. ศ.2548 มีผลเหมือนกับการศึกษาเรื่องหนูของมหาวิทยาลัย Purdue ที่แสดงว่าคน ที่ดื่มเครื่องดื่มลดน้ำหนักมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นถึง 41%

อย่างไร ก็ตาม นักวิจัยของมหาวิทยาลัย Purdue เตือนว่า การเปลี่ยนมารับประทานอาหาร หรือเครื่องดื่มที่ทำด้วยน้ำตาลแท้ ยังไม่เทียบเท่าการออกกำลังกาย

vcharkarn.com/vblog/69284