ผู้บริโภค ฟ้อง AIA (กรมธรรม์แบบสะสมทรัพย์ 21 ปี)

ผู้บริโภค ฟ้อง AIA (กรมธรรม์แบบสะสมทรัพย์ 21 ปี)

ตัวเเทนขายประกันให้ลูกค้า โดยใช้แผ่นพับชี้ชวน เวลาผ่านไป พอครบสัญญาคืนเงินให้น้อยกว่าที่จ่าย

คดีตัวอย่าง เกิดขึ้นที่  ศาลแขวงพระนครใต้ หลังศาลมีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2554 เป็นคดีหมายเลขแดงที่ ผบ. 2728 / 2554 ผู้เป็นโจทก์คือ นายทรงกฤษณ ศรีสุขวัฒนา ฟ้อง บริษัท อเมริกันอินเตอร์แนชชั่นแนลแอสชัวรันส์ จำกัด เป็นจำเลย

เรื่องราว
เมื่อ วันที่ 4 ส.ค. 32 ตัวแทนขายประกันชีวิตของ บริษัท AIA ได้มาขายประกันให้แก่โจทก์เป็นการประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ 21 TMAE วงเงินประกันชีวิต 300,000 บาท ซึ่งโจทก์จะต้องชำระเบี้ยประกันชีวิต เป็นรายปีทุก ๆ ปีละ 20,301 บาท ระยะเวลา 21 ปี รวมเป็นเงินค่าเบี้ยประกันชีวิต ที่ต้องชำระทั้งหมด จำนวน 426,321 บาท ซึ่งมากกว่า วงเงินประกันชีวิตถึง 126,321 บาท (426,321 – 300,000 = 126,321 บาท) โดยตัวแทนขายประกันชีวิตของ บริษัท AIA นำแผ่นพับ แบบสะสมทรัพย์ 21 TMAE ขนาด กระดาษ A4 มีลักษณะเป็นแผ่นพับสี 3 ตอน ติดต่อกัน รวม 6 หน้า มาประกอบการเสนอขายประกันชีวิตให้กับโจทก์

เมื่อกรมธรรม์ประกันชีวิตของโจทก์ครบกำหนดสัญญา21ปี โจทก์ได้รับเงินครบกำหนดสัญญา น้อยกว่าที่ตัวแทนขายประกันชีวิตของ บริษัท AIA มาเสนอขายประกันชีวิตให้กับโจทก์ตามแผ่นพับแบบสะสมทรัพย์ 21 TMAE ที่โจทก์ใช้เป็นหลักฐานในการฟ้อง

โจทก์จึงฟ้อง บริษัท AIA เป็นจำเลย ที่ศาลแขวงพระนครใต้เป็นคดีผู้บริโภค คดีหมายเลขดำที่ ผบ. 2592 / 2553 เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2553 ทุนทรัพย์ในการฟ้องคดี โจทก์ฟ้องเรียก
เงินครบกำหนดสัญญาส่วนที่ขาด เป็นเงินจำนวน 36,000 บาท
พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ตั้งแต่วันที่ทวงถามจนถึงวันฟ้อง คิดเป็นเงิน 214.52 บาท
ค่าคัดหนังสือรับรอง และค่าถ่ายเอกสาร รวม 480 บาท
ค่าเดินทางไปดำเนินคดีกับค่าเสียเวลา และ
โอกาสในการประกอบอาชีพของโจทก์ วันละ 600 บาท ประมาณ 7 วัน คิดเป็นเงิน 4,200 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 40,894.52 บาท
พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 40,680 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จสิ้น

ต่อมาบริษัทAIAจำเลยให้การต่อสู้คดีว่า แผ่นพับในการเสนอขายประกันชีวิตแก่โจทก์นั้น เอกสารดังกล่าวไม่ใช่เอกสารของจำเลย และทางจำเลย ได้ดำเนินการจ่ายเงินผลประโยชน์ให้แก่โจทก์ ครบถ้วนและถูกต้องตามสัญญาทุกประการแล้ว

ภายหลัง คดีนี้ ศาลแขวงพระนครใต้ มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2554 เป็นคดีหมายเลขแดงที่ ผบ. 2728 / 2554 โดยศาลได้พิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 40,894.52 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงิน 40,680 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

นายทรงกฤษณ ศรีสุขวัฒนา  ผู้บริโภคที่ชนะคดี เอไอเอ.  เปิดเผย"มติชนออนไลน์"ว่า  "คดีนี้ถึงที่สุดแล้ว  หลังจากศาลอุทธรณ์สั่งไม่รับอุทธรณ์ อยากไปลองไปดูคดีที่ศาลแขวงพระนครใต้ มีคนฟ้องตามผมเป็นจำนวนมาก ทุกคนถูกขายประกันแบบเดียวกันหมดซึ่งคนธรรมดาไม่สามารถไปพิสูจน์เรื่องที่เป็นกิจการภายในของบริษัทได้ ผมเชื่อว่าอย่างน้อยผลของคำพิพากษาก็จะเป็นประโยชน์กับประชาชนที่ต้องการจะเรียกร้องความเป็นธรรมโดยการฟ้องศาลได้"

แหล่งข่าวจากบริษัทAIAเปิดเผย"มติชนออนไลน์"ว่าคดีดังกล่าว ยังไม่ถึงที่สุด เพราะล่าสุดศาลได้รับอุทธรณ์ของเอไอเอ.แล้ว คดีนี้จะต้องต่อสู้ต่อไป ดังนั้น จึงไม่อาจใช้เป็นบรรทัดฐานได้ในขณะนี้ เพราะคดียังไม่ถึงที่สุด  ทั้งนี้การกล่าวอ้างของนายทรงกฤษณว่า คดีถึงที่สุดแล้ว  คลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง 

มติชนออนไลน์ ตรวจสอบหลักกฎหมายตาม พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551 มีประเด็นน่าสนใจเกี่ยวกับการอุทธรณ์ อยู่ใน มาตรา 47 และมาตรา 49 วรรค 2  และมาตรา 52  ดังนี้

มาตรา 47 ในคดีผู้บริโภคที่ราคาทรัพย์สินหรือจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นอุทธรณ์ ไม่เกิน 5 หมื่นบาท หรือไม่เกินจำนวนที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา ห้ามมิให้คู่ความอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง

มาตรา 48  ในกรณีที่ผู้อุทธรณ์เห็นว่าคดีต้องห้ามอุทธรณ์ตามมาตรา 47  ผู้อุทธรณ์อาจยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องเพื่อขออนุญาตอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์แผนกคดีผู้บริโภคหรือศาลอุทธรณ์ภาคแผนกคดีผู้บริโภคไปพร้อมกับอุทธรณ์ก็ได้  ในกรณีเช่นว่านี้ เมื่อศาลชั้นต้นตรวจอุทธรณ์แล้วเห็นว่าเป็นอุทธรณ์ที่ต้องห้าม ก็ให้ส่งอุทธรณ์และคำขอดังกล่าวไปยังศาลอุทธรณ์แผนกคดีผู้บริโภคหรือศาลอุทธรณ์ภาคแผนกคดีผู้บริโภคเพื่อพิจารณา แต่ถ้าศาลชั้นต้นเห็นว่าอุทธรณ์ดังกล่าวไม่ต้องห้ามก็ให้มีคำสั่งรับอุทธรณ์นั้นไว้ดำเนินการต่อไป

มาตรา  49 การพิจารณาพิพากษาคดีผู้บริโภคในศาลอุทธรณ์แผนกคดีผู้บริโภคหรือศาลอุทธรณ์ ภาคแผนกคดีผู้บริโภคต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว ทั้งนี้ ตามข้อกำหนดของประธานศาลฎีกา

ภายใต้บังคับ มาตรา 52  คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอุทธรณ์แผนกคดีผู้บริโภคและศาลอุทธรณ์ภาคแผนกคดีผู้บริโภคให้เป็นที่สุด

มาตรา 52 ศาลฎีกาอาจพิจารณาอนุญาติให้ฎีกาตามมาตรา 51 ได้เมื่อเห็นว่าปัญหาตามฎีกานั้นเป็นปัญหาซึ่งเกี่ยวพันกับประโยชน์สาธารณะ หรือ เป็นปัญหาสำคัญอื่นที่ศาลฎีกาควรวินิจฉัย

รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะที่ในโลกออนไลน์  ได้มีการแลกเปลี่ยนความเห็นอย่างกว้างขวางกรณีผู้บริโภคฟ้องบริษัทประกันยักษ์ใหญ่และศาลตัดสินคดีถึงที่สุดให้ผู้บริโภคชนะคดีจนทำให้ผู้บริโภครายอื่นๆยื่นฟ้องตามเพื่อหวังชนะคดี

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1347449065


ID=1924,MSG=2185


⭐️ เราให้คำแนะนำปรึกษา รักษาผลประโยชน์ให้ลูกค้า ของเรา
⭐️ เราอยู่เคียงข้างลูกค้าของเรา ช่วยเหลือ ดูแลบริการ
⭐️ เรารองรับช่องทางติดต่อมากมาย สะดวก เข้าถึงง่าย
⭐️ เราดำเนินธุรกิจยาวนานกว่า20 ปี คุณจึงมั่นใจได้
⭐️ คุณมีสามารถรับบริการทั้งจากบริษัทประกันเจ้าของสินค้า และ เรา (ตัวกลาง)

ไทย มีราว 80 บริษัทประกันภัย สินค้าที่แตกต่าง ทั้ง เงื่อนไข ราคา เคลม ความมั่นคง นโยบาย ฯลฯ
ขายผ่านตัวกลาง กว่า 500,000 ราย : ตัวแทน นายหน้า ธนาคาร บิ๊กซี โลตัส ค่ายรถยนต์ เฮ้าส์แบรนด์ ของประกันภัย หรือ ซื้อตรงกับบริษัทเจ้าของสินค้า
⭐️ ตัวอย่าง การบริการ กดดูที่ลิงค์นี้

"สิ่งที่ต้องคำนึงอันดับแรกในการซื้อประกัน คือ ตัวกลางประกันภัย ซึ่งจะเป็นที่ปรึกษา ช่วยเหลือ ดูแลเรา ตลอดอายุกรมธรรม์"

โปรดรอ

display:inline-block; position:relative;
โทร.(จ-ศ : 9-16) เว้นวันหยุดฯ , ลูกค้าเรา บริการ 24/7/365 , Wednesday เวลา 06:25:04am เปิดทำการ 9.00
Copyright © 2018 Cymiz.com., All rights reserved.นโยบาย,ข้อตกลงcymiz.com