เอไอจีคัมแบ็กประกันภัย

นายโรนัลด์ เอ ฮิวดอน ประธานกลุ่ม เอไอจี ประเทศไทย และผู้จัดการสำนักงานประเทศไทย บริษัทนิวแฮมเชอร์ อินชัวรันส์ เปิดเผยว่า กลุ่มเอไอจี ซึ่งเป็นบริษัทแม่ในสหรัฐอเมริกา ใช้เวลา 4 ปีในการแก้ปัญหาทางการเงินและสามารถคืนเงินช่วยเหลือจากทางการสหรัฐแล้วทั้งหมดประมาณ 5.5 ล้านล้านบาท พร้อมผลตอบแทนที่ให้กับทางการสหรัฐฯ อีก 2 หมื่นล้านเหรียญ หลังจากนั้นทางกลุ่มเอไอจี ได้ทำการเปลี่ยนชื่อบริษัทชาร์ทิสประกันภัย ในกว่า 90 ประเทศทั่วโลก เริ่มจากสหรัฐอเมริกา ยุโรป และเอเชีย โดยให้บริษัทลูกทั้งหมดหันมาใช้โลโก้ เอไอจี (AIG) ซึ่งบริษัทชาร์ทิสประกันภัย ประเทศไทย ก็ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น เอไอจี แล้วเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ส่วนบริษัทนิวแฮมเชอร์ อินชัวรันส์ ที่เป็นสาขาของบริษัทแม่ในไทย จะปรับเปลี่ยนชื่อให้มีคำว่าเอไอจีอยู่ในชื่อด้วย คาดว่าจะแล้วเสร็จในปลายปี 2556 นี้

http://www.bloomberg.com/image/i3zteURlIqdE.jpg

“ขณะนี้นิวแฮมเชอร์ มีการดำรงเงินกองทุนตามระดับความเสี่ยงหรือ RBC ที่ระดับ 503% และเอไอจีอยู่ที่ 900% นับจากปีนี้เราตั้งเป้าหมายการขยายธุรกิจประกันภัยในไทยทั้ง 2 บริษัท จะเติบโตปีละ 15%-16% จากปี 2555 ที่มีการเติบโต 22%” นายฮิวดอน กล่าว

ทั้งนี้ปัจจัยที่ทำให้เชื่อมั่นว่าธุรกิจประกันภัยไทยจะเติบโตค่อนข้างสูงต่อไป มาจากการลงทุนทางตรงของนักลงทุนต่างประเทศ การบริโภคภายในประเทศ และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล ที่แต่ละโครงการจะต้องการประกันภัยเข้าไปคุ้มครอง จะกระตุ้นให้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย หรือ จีดีพี ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งจะทำให้ความต้องการบริโภคประกันภัยเพิ่มสูงขึ้น และผลักดันให้ธุรกิจประกันภัยเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งในอดีตที่ผ่านมา เบี้ยประกันภัยจะเติบโตเป็น 2 เท่าของจีดีพี

อย่างไรก็ตาม ใน ปี 2555 บริษัท นิวแฮมเชอร์ และ เอไอจี ประกันภัย มีเบี้ยรับรวมเพิ่มขึ้น 22% หรือประมาณ 3,660 ล้านบาท ซึ่งนิวแฮมเชอร์ เน้นรับประกันภัยลูกค้ารายใหญ่ เช่น การประกันภัยพิบัติ ที่มีกำลังความสามารถในการรับความเสี่ยงภัยไว้เอง 4.5 หมื่นล้านบาท ต่อลูกค้า 1 ราย โดยไม่ต้องทำประกันภัยต่อ ซึ่งปีที่ผ่านมาได้จ่ายค่าสินไหมทดแทนจากน้ำท่วมปลายปี 2554 ไปแล้ว 97% ของจำนวนรายทั้งหมด

http://www.crainsnewyork.com/apps/pbcsi.dll/storyimage/CN/20090609/FREE/906099975/AR/0/AR-906099975.jpg?q=100

นับจากรัฐบาลสหรัฐเข้ามาอุ้ม AIG โดยถือหุ้นกว่า 90% และให้เงินกู้อีกนับแสนล้านเหรียญ
            AIG ก็ได้ปรับลด ภาระหนี้สินอย่างต่อเนื่อง โดยการ ขาย  บ.ในเครือ หลักๆ เช่น AIA, ALICO, กว่า  4 ปีจนถึงวันนี้ AIG ได้ประกาศพ้นร่มเงาของ รัฐบาล แล้วโดยรัฐบาล สหรัฐ ก็ได้ผลตอบแทนที่ งดงามจากการขายหุ้น AIG ที่ราคา กว่า 32 เหรียญ และเพิ่งหมดล็อตสุดท้ายไปในวัน ศุกร์ที่ผ่านมา
            AIG เรียนรู้ว่า อย่าทำธุรกิจให้ซับซ้อน และไม่ถนัด ดังเช่น อดีตที่ เข้าไปค้ำประกันหุ้นกู้และ CDO ให้กับสถาบันการเงิน ซึ่งภายหลัง กลายเป็น ธุรกิจที่หันกลับมาทำลายล้างตัวเอง จนแทบล้มละลาย ราคาหุ้น จาก 70 เหรียญ ลดเหลือ 2 เหรียญเศษ แถมยัง รวมหุ้น 20 หุ้นเป็น 1 หุ้น เรียกว่า มีหลายๆคน ติดหุ้น AIG ที่ต้นทุน 1,400 เหรียญ ต่อหุ้นเลยทีเดียว
            ถึงวันนี้ AIG ได้ประกาศขายหุ้น AIA ล็อตสุดท้าย กว่า 1.65 พันล้านหุ้น ที่ราคา กว่า 30 เหรียญ ฮ่องกง นั่นหมายถึงกำไรก้อนโ่ต ที่ผู้ถือหุ้น AIG จะได้รับ และ AIG ประกาศว่า จะมุ่งมั่นดำเนิน ธุรกิจประกันชีวิตและบำนาญในสหรัฐ ที่เป็นฐานสร้างรายได้สำคัญ ให้เจริญรุ่งเรือง เหมือนดังอดีตที่ผ่านมา
           
    AIG     
              ราคา สูงสุด 1,900 USD
              ราคา ต่ำสุด  7 USD
              ราคา ปัจจุบัน 34.95 USD
              P/E  =  7.7 
              P/BV = 0.50
              ราคา เป้าหมาย Yahoo finance ให้ไว้ที่ 40 USD

              แม้ AIG จะสูญเสีย ธุรกิจที่ทำรายให้ก้อนใหญ่ไปแล้ว ราคาหุ้นจึงแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะกลับไปที่ 1,400 เหรียญ แต่ว่า หาก ผ่านพ้น เรื่อง Fiscal Cliff ไปได้ โอกาส ที่จะกลับมายืนเหนือ BV หรือ ราวๆ 70 USD ก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรไม่ใช่หรือ?

http://image.free.in.th/z/ih/aig01.jpg