7ช่องทาง การออมเงินให้ประหยัดภาษี

7ช่องทาง การออมเงินให้ประหยัดภาษี

กรมสรรพากรได้มีการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อส่งเสริมการออมของบุคคลธรรมดาในหลายมาตรการ โดยส่วนใหญ่นั้นจะเป็นการยกเว้นภาษีให้แก่ผลประโยชน์ที่ได้รับ เช่น ยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่ดอกเบี้ยเงินฝากสหกรณ์ออมทรัพย์ หรือยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่กำไรจากการซื้อขายหุ้น เป็นต้น

http://www.ksmecare.com/FileUpload/Editor/ImagesUpload/WebContent/News/5304301303.jpg

อย่างไรก็ดี มีการลงทุนบางประเภทที่กรมสรรพากรได้มีการส่งเสริมและสนับสนุนเป็นกรณีพิเศษ โดยได้มีการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพิ่มเติม กล่าวคือ ให้ผู้ออมสามารถนำจำนวนเงินที่ลงทุนมาหักลดหย่อนในการคำนวณภาษีได้ ซึ่งปัจจุบันมีการลงทุนอยู่ 7 ประเภท ที่ได้สิทธิประโยชน์ดังกล่าวนี้

1. เงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund) เป็นระบบการออมสำหรับภาคเอกชน โดยบริษัทที่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ลูกจ้างที่จ่ายเงินสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ สามารถหักลดหย่อนในการคำนวณภาษีได้ตามที่ได้จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 500,000 บาท

2. เงินสะสมกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)เป็นระบบการออมภาคบังคับสำหรับข้าราชการ โดยข้าราชการจะต้องจ่ายสมทบร้อยละ 3 ของเงินเดือนทุกเดือนในปัจจุบัน กบข. ได้เปิดโครงการออมเพิ่มเพื่อให้สมาชิกสามารถสะสมเงินเข้ากองทุนได้สูงสุดถึงร้อยละ 15 ของเงินเดือน ทั้งนี้ เงินสะสมเข้า กบข. สามารถนำมาหักลดหย่อนในการคำนวณภาษีได้ตามที่ได้จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 500,000 บาท

3. เงินสมทบกองทุนประกันสังคมเป็นระบบการออมภาคบังคับสำหรับภาคเอกชนโดยได้รับสิทธิประโยชน์ในการคุ้มครองกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ทุพพลภาพ ตายคลอดบุตร สงเคราะห์บุตร และว่างงาน หรือเพื่อให้มีเงินใช้หลังเกษียณ (สิทธิประโยชน์กรณีชราภาพ) เงินสมทบที่ลูกจ้างถูกหักจากเงินเดือนทุกเดือน สามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้

4. เงินค่าซื้อหน่วยลงทุนกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (Retirement Mutual Fund หรือ RMF) เป็นกองทุนรวมประเภทหนึ่งที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่ผู้ลงทุนเพื่อเป็นแรงจูงใจ กองทุนดังกล่าวนี้ เหมาะสมสำหรับผู้ที่ไม่มีสวัสดิการรองรับ เช่น ไม่ได้สมทบเงินเข้ากองทุนประกันสังคม หรือ กบข. หรือ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เพราะเป็นการสร้างระบบการออมระยะยาวให้กับตนเอง เงินซื้อหน่วยลงทุน RMF สามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้ตามที่ลงทุนจริง แต่ไม่เกินร้อยละ 15 ของเงินได้ และ 500,000 บาท นอกจากนี้ กำไรจากการขายคืนหน่วยลงทุนจะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหากเข้าตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด

5. เงินค่าซื้อหน่วยลงทุนกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (Long Term Equity Fund หรือLTF)เป็นกองทุนรวมประเภทหนึ่งที่ให้สิทธิประโยชน์ ทางภาษีแก่ผู้ลงทุนเพื่อเป็นแรงจูงใจเช่นเดียวกับ RMF แต่ต่างกับ RMF ตรงที่ LTF เน้นลงทุนในหุ้น แต่ RMF มีนโยบายการลงทุนให้เลือกหลากหลาย เงินซื้อหน่วยลงทุน LTF สามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้ตามที่ลงทุนจริง แต่ไม่เกินร้อยละ 15 ของเงินได้ และ 500,000 บาท นอกจากนี้ หากลงทุนเกิน5 ปี กำไรจากการขายคืนหน่วยลงทุนจะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

6. เบี้ยประกันชีวิต การซื้อประกันชีวิตเป็นส่วนผสมระหว่างการออมภาคสมัครใจและการคุ้มครองกรณีเสียชีวิต โดยผู้ซื้อประกันออมเงินด้วยการชำระเบี้ยประกัน และจะได้รับเงินคืนตามสัญญาหากเสียชีวิตหรือ เมื่อสัญญาครบกำหนด เบี้ยประกันชีวิตสามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท เฉพาะกรณีกรมธรรม์ประกันชีวิตมีกำหนดเวลาตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป
          อย่างไรก็ดี เนื่องจากในอนาคตสัดส่วนประชากรผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น ทำให้กรมสรรพากรได้ตระหนักถึงความสำคัญในการออมเพื่อนำไปใช้ในวัยเกษียณ จึงให้การสนับสนุนด้านภาษีสำหรับการออมในรูปแบบที่เรียกว่าการประกันชีวิตแบบบำนาญ โดยเบี้ยประกันภัยสำหรับการประกันชีวิตแบบบำนาญ นอกจากสามารถนำไปหักลดหย่อนเป็นค่าเบี้ยประกันชีวิต 100,000 บาทแล้ว สามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินร้อยละ15 ของเงินได้พึงประเมิน และไม่เกิน 200,000 บาท อีกด้วย

7. ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อซื้อ เช่าซื้อ หรือสร้างอาคารอยู่อาศัย การกู้ซื้อบ้านจัดเป็นการออมที่ดีที่สุดอย่างหนึ่ง เนื่องจากเป็นการสร้างความมั่นคงให้กับครอบครัวและเป็นการลงทุนระยะยาวที่คุ้มค่า ดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้าน สามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท