13บ.ประกันภัยกำไรครึ่งปีฮวบ 237%

13บ.ประกันภัยกำไรครึ่งปีฮวบ 237%
13 บริษัทประกันภัยเผยผลกำไรครึ่งปี  ล้านบาทติดลบ  237% จากช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 2,803 ล้านบาท เหตุค่าใช้จ่ายในการจัดการและจ่ายสินไหมทดแทนเพิ่มเป็นหลัก  ขณะที่ผลกำไรสุทธิมาจากอานิสงส์เงินลงทุน-รายได้จากการลงทุนสุทธิเพิ่มเนื่องจากการเพิ่มทุนไตรมาสแรก 

"ฐานเศรษฐกิจ"รวบรวมผลประกอบการของ 13 บริษัทประกันภัยที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯสำหรับงบการเงินเฉพาะกิจไตรมาส 2/2555 และงวดหกเดือน ณ วันที่ 30มิถุนายน 2555และ2554
พบว่าบริษัทประกันภัยทั้ง 13 แห่งส่วนใหญ่ยังมีกำไร แต่โดยรวมมีกำไรติดลบ 1,914 ล้านบาท เทียบช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่มีกำไร 1,509 ล้านบาท

บริษัทที่มีกำไรติดลบประกอบด้วย
บมจ.ไทยรับประกันภัยต่อ  ตามด้วย
บมจ.ทิพยประกันภัยและบมจ.บางกอกสหประกันภัย (ดูตารางประกอบ)

บริษัทประกันชีวิต 2บริษัท สะท้อนผลกำไรจากการดำเนินงาน โดย
บมจ.กรุงเทพประกันชีวิต กำไรลดลง 24% เป็น 1,721 ล้านบาทจากช่วงเดียวกันปีก่อนกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,279 ล้านบาท
บมจ.ไทยพาณิชย์ประกันชีวิตมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 44.9% เป็น 1,664 ล้านบาท

http://www.pattayadailynews.com/th/wp-content/uploads/2010/03/pic27.jpg

บมจ.กรุงเทพประกันชีวิต กำไรลดลง 24%!!!

Admin คาดว่าอนาคตจะลดมากไปปว่านี้อีกเนื่องจาก นโยบายบริษัทมุ่งขายประกันผ่านทางธนาคาร
การขายผ่านธนาคารนั้นเป็นการขายที่ได้ยอดช่วงเเรกๆ ในอัตราเร่ง เนื่องจากยังคงเป็นกลุ่มฐานลูกค้าที่เพิ่งนำเข้าสู่กระบวนการขาย
และด้วยเทคนิคการขาย ของพนักงานธนาคารที่เเตกต่างจาก ตัวแทนขายประกันมืออาชีพ
ในระยะยาวเเล้ว จะเพิ่มตัวเลขค่อนข้างยาก มีความเป็นไปได้ว่าจะเบื่อทั้งพนักงานธนาคารเอง
(หากเขามีความสามารถและชอบด้านนี้คงลาออกไปขายได้รายได้เยอะกว่ามากไม่มาเป็นพนักงานธนาคารหรอก) และ เบื่อทั้งลูกค้าธนาคาร
สุดท้ายเเล้วการขาย ก็ยังคงต้องสร้าง relation คือ มีความสัมพันธ์อันดีต่อลูกค้า และ การบริการด้านประกันชีวิตของธนาคารยังมีขอบเขตเวลาจำกัด
เเต่ตัวเเทนมืออาชีพ บริการแบบ 24hr.!!

นางฐิตาพร  ธารากิจ รองผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ไทยรับประกันภัยต่อชี้แจงผลการดำเนินงานงบการเงินไตรมาส 2/2555 แสดงผลขาดทุนสุทธิหลังภาษีเงินได้นิติบุคคล จำนวน 2,719 ล้านบาทลดลงจากปีก่อนจำนวน 2,835 ล้านบาทซึ่งเปลี่ยนแปลงเกิน 20% หรือ 24.5 เท่า สาเหตุเนื่องจากไตรมาส4/2554 ได้เกิดอุทกภัยน้ำเข้าท่วมพื้นที่ต่างๆเป็นวงกว้างอย่างต่อเนื่องทั้งในพื้นที่เศรษฐกิจและนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่งวิกฤตการณ์ดังกล่าวได้ส่งผลกระทบอย่างเป็นสาระสำคัญต่องบการเงินของบริษัทบริษัทได้บันทึกค่าความเสียหายนี้ในงบการเงินในรายการค่าสินไหมทดแทนสุทธิจำนวน 3,757 ล้านบาท หากไม่รวมผลจากเหตุการณ์ดังกล่าวบริษัทมีผลกำไรสุทธิในไตรมาส 2 เติบโตจากงวดเดียวกันของปีก่อนถึง 57% เนื่องมาจากการเพิ่มทุนในไตรมาส 1/2555 ส่งผลให้เงินลงทุนและรายได้จากการลงทุนสุทธิเพิ่มขึ้น

ทิศทางผลประกอบการของบริษัทประกันวินาศภัยยังมีแนวโน้มไปในทิศทางเดียวกัน คือ มีโอกาสขาดทุนจากการรับทำประกันภัยอาจต่อเนื่องไปไตรมาส 3หรือไม่ต่ำกว่า 9 เดือนถึง 1 ปี ช่วงนี้จึงเป็นจังหวะการเร่งเคลียร์สินไหม และเร่งรัดให้บริษัทที่รับประกันภัยต่อ( รี อินชัวเรอร์) นำส่งเงินเข้าเพื่อจ่ายเคลม  ซึ่งทิศทางบริษัทประกันเริ่มทำกำไรแบบไม่ติดลบ น่าจะเห็นช่วงท้ายปี หรือต้นปี 2556