บ.กลางฯรับสภาพระบบอีเคลมดันยอดจ่ายค่าสินไหมพุ่ง

บ.กลางฯ ไม่หวั่นอีเคลมกระตุกสินไหมพุ่ง เดินหน้าดูแลผู้ประสบภัยเต็มที่ ยันสภาพคล่องเหลือเฟือ รองรับสำรองจ่ายสินไหมได้สบาย พร้อมแนะเจ้าของรถทำประกัน 100% แถมโปรโมตกิจกรรมลดอุบัติเหตุต่อเนื่อง

ระบบ สินไหมอัตโนมัติ (อีเคลม) เป็นอีกหนึ่งบริการที่บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด เปิดให้บริการมาตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประสบภัยจากรถ สามารถเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลที่ร่วมโครงการนี้ 1,541 แห่งทั่วประเทศได้โดยไม่ต้องสำรองจ่ายเงินค่าสินไหม เนื่องจากจะมีบริษัทกลางฯเป็นผู้สำรองจ่ายให้ก่อนนั้น

นายนพดล สันติภากรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ผลจากการใช้ระบบดังกล่าวน่าจะทำให้ภาพรวมของปริมาณสินไหมอันเกิดจาก อุบัติเหตุจากรถยนต์เพิ่มสูงขึ้นด้วย จากปีที่แล้วบริษัทกลางฯมีอัตราต้นทุนสินไหมเทียบกับเบี้ยประกัน (ลอสเรโช) อยู่ที่ 95% ทั้งนี้ปริมาณสินไหมที่จะเพิ่มขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาจะมีผู้ประสบภัยจำนวนหนึ่งเลือกใช้สิทธิ์รักษาพยาบาลจาก กองทุนส่วนอื่นแทน เพราะเห็นว่าสะดวกกว่าใช้สิทธิ์ของกองทุนทดแทนผู้ประสบภัย แต่เมื่อมีระบบอีเคลมเข้ามารองรับให้สะดวกขึ้น ก็จะทำให้ผู้ประสบภัยเหล่านี้เข้ามาใช้สิทธิ์ส่วนนี้ซึ่งทำให้ปริมาณเคลมสูง ขึ้น

นายนพดลกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมามีอุบัติเหตุที่เข้ามาใช้สิทธิ์ความคุ้มครองของกรมธรรม์ประกันภัย รถยนต์ภาคบังคับกว่า 3 แสนราย/ปี ในจำนวนนี้มีส่วนที่เรียกเคลมเข้ามาที่บริษัทกลางฯประมาณ 2 แสนราย/ปี โดยเฉพาะรถจักรยานยนต์ซึ่งเป็นส่วนที่เกิดอุบัติเหตุค่อนข้างมาก

"ปริมาณ สินไหมที่เพิ่มขึ้นไม่ใช่เรื่องที่น่าเป็นห่วง เพราะบริษัทกลางฯถูกตั้งขึ้นมาด้วยเจตนารมณ์การดูแลผู้ประสบภัยจากรถอยู่ แล้ว โดยมีบริษัทประกันภัยช่วยกันจ่ายเงินสมทบเข้ามา แม้จำนวนผู้เข้ามาเคลมมากขึ้น แต่ก็เป็นหน้าที่ของเราในการดูแลผู้ประสบภัยจากรถ ขณะเดียวกันก็ควรเป็นหน้าที่ของเจ้าของรถทุกรายที่ควรจะมีประกันภัยให้ครบ ถ้วน"

สำหรับการบริการผ่านระบบอีเคลมซึ่งเป็นการสำรองจ่ายค่ารักษา พยาบาลระหว่างบริษัทกลางฯกับโรงพยาบาลนั้น นายนพดลกล่าวว่า บริษัทกลางฯมีสภาพคล่องเพียงพอรองรับปริมาณธุรกรรมเหล่านี้

ได้อยู่ แล้ว เพราะที่ผ่านมาก็มีเงินกองทุนสูงกว่าเกณฑ์ 150% จากที่กฎหมายกำหนด ประกอบกับการที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกัน ภัย (คปภ.) เลือกให้บริษัทกลางฯทำหน้าที่นี้ก็ต้องประเมินแล้วว่ามีศักยภาพทำได้ ซึ่งรวมถึงสภาพคล่องและความสามารถทางการเงินด้วย

"แม้ต้นทุนสินไหมจะ เพิ่มสูงขึ้น แต่เราก็ต้องพยายามทำงานฝั่งอื่น ๆ ควบคู่กันไปด้วย ทั้งการกระตุ้นและสร้างจิตสำนึกของการมีประกันภัยเพื่อคุ้มครองความเสี่ยง ถ้าเป็นไปได้เราก็อยากให้รถทุกคันมีประกันภัยครบ 100% รวมถึงกิจกรรมรณรงค์ลดอุบัติเหตุบนท้องถนน ซึ่งเป็นสิ่งที่บริษัทพยายามผลักดันมาตลอดก็จะดำเนินต่อไป ซึ่งก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยลดปริมาณสินไหมลงได้ แต่ที่สำคัญคือช่วยลดความสูญเสียของประชาชน ซึ่งเป็นทรัพยากรสำคัญของประเทศชาติ" นายนพดลกล่าว