ประกันรถตระกูล‘พลัส’

หลังจาก “สยามธุรกิจ” จุดประเด็นข่าวแนวรบด้านการตลาดวินาศภัยกำลังเปลี่ยน แปลง หันไปเปิดเกมเกทับด้านโชว์ออฟอู่ซ่อมรถยนต์กันใหญ่ว่าของใครเจ๋งกว่ากัน

ล่าสุด ภาพของแนวรบด้านนี้เริ่มชัดเจน มากขึ้น ดังเห็นได้จากเกือบทุกค่ายประกันภัย ต่างชูความสำคัญของอู่ซ่อมในเครือของตนเอง
อีกไม่นานผมฟันธง! ได้เลย สาธารณชนคงต้องสับสนกับความหมายของ “อู่ในเครือ” กับ “อู่รับงาน” ว่ามันจะแตกต่างกันตรงไหน
มันจะเข้าความหมาย “อู่ในเครือ” ควบคุมคุณภาพได้ ส่วน “อู่รับงาน” ลูกค้าเสี่ยง ดวงเอาเองอย่างนี้หรือ!
เป็นความสับสนที่คนในแวดวงธุรกิจโดยเฉพาะสมาคมประกันวินาศภัยจำต้องตีความ บัญญัติศัพท์ไว้ล่วงหน้าว่ามันหมายถึงอะไร

ถ้า ปล่อยให้ความเข้าใจเกิดขึ้นตามธรรมชาติ รับประกันซ่อมฟรี! ได้เลยจะกลายเป็นเหยื่ออันโอชะให้พวกศรีธนญชัยวินาศภัยเอาไปหลอกชาวบ้านหา กินอีกแล้วครับท่าน
อย่างกรณีล่าสุดที่กำลังสับสนอลหม่านถึงข้อเท็จ จริงของความคุ้มครองกรมธรรม์ ประกันภัยรถยนต์ประเภทใหม่ที่เรียกกันอย่างเป็นทางการว่า “การประกันภัยรถยนต์แบบคุ้มครองเฉพาะภัย” หรือเรียกกันในวงการประกันภัยว่า “ประกันประเภท 5”

ย้อนกลับไปมองเส้นทางเดินของกรมธรรม์ประเภทนี้ ต้องถือว่าเป็นการพัฒนาไปตามปกติและเป็นไปตามความต้องการของตลาดและตามแนว ทางของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงอะไรทำนองนั้น

เบี้ยประกันภัยประเภท 1 แพงเกินเหตุจ่ายแล้วไม่ชนไม่คุ้ม ส่วนประเภท 3 แม้เบี้ยถูกแต่คุ้มครองไม่สะใจ

บริษัท ประกันภัยโดยเฉพาะ “เอเชียประกันภัย” จึงคิดค้นกรมธรรม์แบบใหม่เป็นพันธุ์ผสมระหว่างประเภท 3 และประเภท 1 ออกมาจำหน่ายเป็นต้นกำเนิดของคำว่า “พลัส” ที่ใช้กันเกลื่อนเมืองอยู่ในขณะนี้

แต่กว่าจะได้รับอนุญาตให้ขายได้ เล่นเอาผู้บริหารบริษัทเอเชียประกันภัยต้อง ปวดเศียรเวียนเกล้าเทียวไล้เทียวขื่อทำความเข้าใจกับกรมการประกันภัยอยู่นาน นานเสียจนคู่แข่งจับทางถูกและสามารถขออนุญาตนำรูปแบบใหม่นี้มาขายได้ก่อน เจ้าตำรับซะอีก

และเมื่อออกจำหน่ายในตลาดปรากกว่าได้รับความนิยมเป็น อย่างมาก เล่นเอาเบี้ยประกันภัยประเภท 1 เกือบสูญพันธุ์ไปจากตลาด จึงทำให้บรรดาขาใหญ่วงการประกันภัยรถจำต้องผลักดันผ่านทางสมาคมประกัน วินาศภัยเพื่อนำเสนอไปยังกรมการประกันภัยให้ออกกรมธรรม์ประกันภัยประเภทนี้ เป็นฉบับมาตรฐานขึ้นมา

“การประกันภัยรถยนต์แบบคุ้มครองเฉพาะภัย” ดังที่กล่าวมานั้นแล
เพียง แค่ชื่อออกมาภาคเอกชนยังวิจารณ์กันอึงมี่ คิดชื่อเฉิ่มๆ ออกมาอย่างนั้นได้อย่างไร คนในวงการยังต้องตีความแล้วชาวบ้านจะไม่สับสนได้อย่างไร
และวิตกกัน ว่าคงสับสนมากกว่าเดิมอีก เมื่อกรมธรรม์ต้นตระกูลพลัส อันเป็น “สินค้าเฉพาะกิจ” ที่ออกมาก่อนหน้านั้น ทางกรมการประกันภัยยังอนุญาตให้ขายเหมือนเดิม
อย่างไรก็ตาม ประเด็นนี้ผลกระทบที่เกิดขึ้นยังเป็นผลประโยชน์พึงได้พึงเสียของธุรกิจนัย ว่าเงื่อนไขบางประการเปิดโอกาสให้ทำมาหากินได้มากกว่ากรมธรรม์ประกันภัยแบบ มาตรฐานที่คลอดออกมาใหม่

ต้นตระกูลพลัส เกิดจากประเภท 1 ผสมกับประเภท 3
แบบมาตรฐาน เกิดจากประเภท 3 ผสมกับประเภท 2

แต่ ไม่ว่าจะใหม่หรือเก่ามันกำลังจะกลายเป็นระเบิดเวลาลูกใหญ่ที่จะสร้างความ สับสนอลหม่านให้กับผู้บริโภค เพราะเงื่อนไขความคุ้มครองที่แท้จริงของกรมธรรม์ประเภทนี้กำลังอยู่ในภาวะ ที่บริษัทประกันวินาศภัยโดยเฉพาะตัวแทนในสังกัดกำลังพูดความจริงไม่ครบถ้วน

การพูดความจริงไม่ครบถ้วนมันก็เหมือนกับการพูดเท็จนั่นเอง
โดย เฉพาะความจริงหรือข้อความโฆษณาที่ระบุว่า ให้ความคุ้มครองเกือบเท่ากับประกันประเภท 1 แต่จ่ายเบี้ยใกล้เคียงกับประกันภัยประเภท 3 หรือบางรายถึงขนาดเล่นไต่ขอบเหวข้อเท็จจริง ซ่อมให้ทั้งรถคู่กรณีและรถของผู้เอาประกันภัย

จนทำให้ประชาชนเริ่ม เกิดความเชื่อว่าข้อแตกต่างที่ไม่เหมือนกับการประกันภัย ประเภท 1 คือวงเงินความคุ้มครองรถยนต์ของผู้เอาประกัน ซึ่งประเภท 5 จะให้ความคุ้มครองน้อยกว่า

เป็นความน้อยกว่าที่ผู้บริโภคเชื่อว่า เป็นสิ่งที่ดี เพราะเชื่อว่าโอกาสที่ตนเองไปขับรถเฉี่ยวชนและต้องซ่อมรถยนต์ของตนเองเกิน กว่า 1 แสนบาทนั้นโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก แล้วจะไปเสียเงินเพิ่มให้สูญเปล่าไปทำไม

แต่เชื่อว่าถ้าผู้บริโภคได้ รับรู้ข้อเท็จจริงว่า เงื่อนไขความคุ้มครองต่อรถผู้เอาประกันภัย นั้นเป็นการคุ้มครองเฉพาะภัยที่เกิดจากการเฉี่ยวชนกับยานพาหนะทางบกเท่านั้น

ดัง ที่เขียนไว้ในกรมธรรม์ชัดเจนว่า “รถยนต์ของผู้เอาประกันภัยจะได้รับความคุ้มครองต่อเมื่อไปเฉี่ยวชนกับคู่ กรณีที่ต้องเป็นยานพาหนะทางบกตามความหมายของ พ.ร.บ.การขนส่งเท่านั้น”

ใน ขณะเดียวกัน ทางภาคปฏิบัติยังมีรายละเอียดปลีกย่อยอีก อย่างเช่นเมื่อเกิดเฉี่ยวชนแล้วจำต้องรู้เลขทะเบียนรถยนต์ของรถคู่กรณีด้วย และต้องแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน

นอกจากนี้ ยังมีเงื่อนไขความคุ้มครองอื่นๆ อีกมากมายที่บริษัทประกันภัยหรือตัวแทน ขายประกันภัยพูดความจริงไม่หมด และความจริงจะปรากฏต่อเมื่อเกิดการเคลมขึ้นมา และ เกิดผิดเงื่อนไขความคุ้มครองเมื่อไหร่

ข่าวประกันภัยโกงอีกแล้วคงต้องดังกระหึ่มเมืองไม่หยุดหย่อนอย่างแน่นอน
ชื่อเสียงของธุรกิจบรรลัยมามากแล้ว ยังไม่เพียงพออีกหรือจึงเปิดช่องให้โอกาสบรรลัยมีมากขึ้นกว่าเดิมอีก
ผม ว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องหันหน้าชนกันหาทางป้องกันไม่ให้ความเข้าใจผิดอย่าง นี้กลายพันธุ์เป็นความเชื่อของคนทั้งเมือง จำต้องสร้างกระบวนการชี้แจงความจริงของเงื่อนไข ความคุ้มครองของกรมธรรม์ประกันภัยดังกล่าว

ไม่ว่าการควบคุมให้ตัวแทน ในสังกัดของแต่ละบริษัทต้องขายอย่างเล่าข้อเท็จ จริงให้ครบถ้วน และร่วมกันรณรงค์ประชาสัมพันธ์ ไม่ว่าจะผ่านทางโบรชัวร์สินค้าหรือสื่อโฆษณาอย่างอื่น ด้วยสื่อความหมายให้สาธารณชนได้เข้าใจในลักษณะทำนองที่ว่า
ประกันภัยประเภทนี้คุ้มครองเฉพาะรถชนรถและทรัพย์สินของบุคคลอื่นเท่านั้น

ถ้า ขืนปล่อยให้มั่ว เล่าความจริงกันไม่หมด ใช่แต่สินค้าใหม่จะขาดความเชื่อถือเท่านั้น สินค้าทั้งระบบประกันภัยจะไม่ได้รับความเชื่อถือด้วย
อีกทั้งทุกวันนี้ธุรกิจประกันภัยประชาชนเชื่อถือมากน้อยขนาดไหนโปรดสำนึก!

ที่มา : สยามธุรกิจ